สิวที่หลังเป็นอีกบริเวณที่หลายๆ คนมีปัญหาสิว ทำให้ไม่มั่นใจเวลาใส่เสื้อผ้าไม่กล้าใส่เสื้อผ้าที่โชว์หลัง แต่การเกิดสิวที่หลังนั้นเป็นเรื่องปกติไม่ต้องกังวลไปค่ะ แต่ถ้าอยากหาวิธีรักษาสิวที่หลัง อยากรู้สาเหตุของสิวที่หลัง และวิธีป้องกันหมอได้รวบรวมมาให้แล้วในบทความนี้ค่ะ
สิวที่หลังเกิดจากอะไร
สิวที่หลังเกิดจากอะไรนั้นมีด้วยกันอยู่หลายสาเหตุ หลายปัจจัยแตกต่างกันไปในแต่ละคน ซึ่งสาเหตุที่ทำพบได้บ่อยว่าทำให้เกิดสิวที่หลังขึ้นมามีทั้งหมดดังนี้
-
รูขุมขนอุดตัน
เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวได้บ่อยเนื่องจากสิ่งสกปรกหลายๆ อย่างทั้ง เซลล์ผิวที่ตายแล้ว ฝุ่น น้ำมันจากผิวเข้าไปสะสมอยู่ในรูขุมขนจนทำให้เกิดการอุดตันกลายเป็นสิวหลายๆ ชนิดขึ้นมาบนผิวได้เช่น สิวอุดตัน
-
ฮอร์โมน
มีการไม่คงที่แปรปรวนของฮอร์โมนอยู่บ่อยๆ ซึ่งอาจเกิดจากการเป็นประจำเดือน เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น หรือเครียดมากๆ เมื่อฮอร์โมนไม่คงที่จะทำให้ไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันให้ทำงานหนักมากขึ้น และกระตุ้นการเกิดสิวหลายแบบเรียกกันว่าสิวฮอร์โมน
-
แบคทีเรีย
C.Acnes (Cutibacterium Acnes) คือแบคทีเรียที่อาศัยอยู่บนผิวหนัง และในต่อมไขมัน ซึ่งแบคทีเรียชนิดนี้สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวอักเสบบนผิวได้ หากมีจำนวนแบคทีเรียมากกว่าปกติจนไปรวมกับสิ่งสกปรกบนผิว
-
เชื้อรา
P.ovale (Pityrosporum ovale) เป็นเชื้อรายีสต์ที่อยู่ในกลุ่มของ Malassezia อาศัยอยู่บนผิวหนังของเรา เมื่อเชื้อรานี้มีจำนวนมากขึ้นผิดปกติจะทำให้รูขุมขนเกิดการอักเสบจนเกิดสิวผดขึ้นมาตามผิวบริเวณต่างๆ
-
เสื้อผ้ารัดรูป
เมื่อใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจะทำให้เหงื่อสะสมอยู่บนเสื้อผ้าจนเกิดการอับชื้น หรือเสียดสีกับผิวมากเกินไปจนทำให้ร่างกายเกิดการระคายเคือง แสดงอาการแพ้ออกมาเป็นในรูปแบบของสิวผด
-
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้
สารบางชนิดในผลิตภัณฑ์ทำให้ร่างกายเกิดอาการแพ้จนขึ้นเป็นสิวหลายๆ ชนิดได้ หรือมีสารสเตียรอยด์ที่อันตรายหากใช้มากจนเกินไปผสมอยู่ อาจทำให้ผิวเกิดอาการแพ้หนัก ผิวติดสารจนเกิดเป็นสิวสเตียรอยด์ได้
สิวที่หลังมีแบบไหนบ้าง
สิวที่สามารถขึ้นบริเวณหลังได้มีอยู่หลายแบบด้วยกัน แต่ประเภทสิวที่สามารถพบเจอเป็นสิวที่หลังได้บ่อยๆ มีดังนี้
- สิวหัวขาว เป็นสิวอุดตันชนิดหัวปิดมีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็กๆ ไม่มีอาการแดงรอบๆ สิว เมื่อสัมผัสจะไม่รู้สึกเจ็บ แต่สังเกตได้ยากเนื่องจากหัวสิวอยู่ใต้ชั้นผิวจึงต้องสัมผัสเท่านั้นถึงจะรู้สึก และสามารถพัฒนาเป็นสิวอักเสบได้
- สิวหัวดำ เป็นสิวอุดตันชนิดหัวเปิดมีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็กๆ ไม่มีอาการแดงรอบๆ สิว หัวสิวมีสีดำเป็นจุดตรงกลางสิวจากการที่หัวสิวอยู่บนชั้นผิว เมื่อหัวสิวสัมผัสกับอากาศจะทำให้เปลี่ยนสีเป็นสีเข้มขึ้นจนสังเกตได้ง่าย
- สิวหนอง เป็นสิวอักเสบชนิดที่ไม่รุนแรงรักษาได้ง่าย มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็กๆ มีอาการแดงรอบๆ สิว สามารถสังเกตได้ง่ายเพราะหัวสิวหัวสิวมีหนองอยู่ภายในซึ่งมีสีเหลืองไปจนถึงสีเขียว เมื่อสัมผัสไปที่สิวจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
- สิวผด เป็นอาการของโรคทางผิวหนังชนิดหนึ่งไม่ใช่สิว ที่จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายแพ้สารหรืออะไรบางอย่าง แต่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็กๆ คล้ายกับสิวจึงเรียกกันว่าสิวผด และมักขึ้นหลายๆ จุดในบริเวณเดียวกัน
วิธีรักษาสิวที่หลัง
การรักษาสิวที่หลังให้หายไปสามารถทำได้ ด้วยการเลือกวิธีรักษาสิวที่หลังให้ถูกวิธีเหมาะสมกับประเภทสิวโดยวิธีการรักษาสิวที่หลังมีดังนี้
-
กดสิวที่หลัง
เหมาะสำหรับปัญหาสิวอุดตันที่หลังอย่างสิวหัวขาว สิวหัวดำ ควรใช้เครื่องมือในการกดสิว และทำกับผู้เชี่ยวชาญ เพราะอาจทำให้เป็นรอยสิวขึ้นมาได้ หรือกระตุ้นให้สิวกลายเป็นสิวอักเสบขึ้นมาหากกดหัวสิวออกมาไม่หมด
-
ผลัดเซลล์ผิวที่หลัง
ขัดผิวที่หลังโดยใช้ผ้า สครับต่างๆ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ BHA, AHA จะช่วยลดสิวที่หลังได้โดยเฉพาะสิวอุดตัน แต่ไม่ควรทำบ่อยมากเกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์เพราะอาจทำให้ผิวแห้งระคายเคืองจนสิวขึ้นมาเยอะกว่าเดิมได้
-
แผ่นแปะสิวที่หลัง
แผ่นแปะสิวจะมีส่วนผสมของไฮโดรคอลลอยด์ (Hydrocolloid) สามารถดูดซับของเหลวออกมาได้ดีเหมาะกับการรักษาสิวหนอง โดยใช้แผ่นแปะสิวแปะลงไปในจุดที่เป็นสิวหนอง สิวก็จะแห้งลงจนหายไปซึ่งนอกจากจะช่วยรักษาสิวได้แล้วยังป้องกันสิ่งสกปรกสัมผัสกับสิวทำให้อักเสบเพิ่มขึ้นได้
-
ยารักษาสิวที่หลัง
ยารักษาสิวที่หลังนั้นมีทั้งแบบทา และแบบที่สามารถรับประทานได้ สำหรับแบบทาควรจะเป็นยาที่มีส่วนผสมของ เช่น Benzoyl peroxide, Antibiotics ใช้รักษาสิวอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้ และ Ketoconazole สำหรับรักษาสิวผดโดยเฉพาะ
สำหรับยารักษาสิวแบบรับประทานก็มีอยู่หลายตัวทั้งวิตามินลดสิวอย่าง Zinc, วิตามินอี วิตามินซี ยาปฏิชีวนะที่ช่วยฆ่าเชื้อสิว และยาคุมที่ช่วยลดสิวฮอร์โมนควบคุมฮอร์โมนให้กลับมาปกติคงที่
เพื่อให้สิวที่หลังหายขาดควรรักษาต่อเนื่อง และเป็นประจำเนื่องจากสิวที่หลังขึ้นได้ง่ายมาก และควรรีบรักษาไม่ปล่อยทิ้งไว้ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้สิวอาจจะรุนแรงมากขึ้น ทำให้รักษาสิวที่หลังให้หายได้ยากค่ะ
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวที่หลัง
การดูแลป้องกันไม่ให้สิวขึ้นที่หลัง มีทั้งวิธีง่ายๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน และวิธีการป้องกันทางการแพทย์ โดยวิธีป้องกันสิวที่หลังมีดังนี้
-
อาบน้ำให้สะอาด
เพียงแค่อาบน้ำทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ก็สามารถลดการเกิดสิวที่หลังได้แล้ว แต่ต้องอาบน้ำให้สะอาดไม่ให้หลงเหลือสิ่งสกปรกอยู่บนผิว โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวมีอย่างมีค่า pH 5.5
-
หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์บางชนิด
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของพาราเบน ซิลิโคนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะสามารถทำให้ผิวเกิดการอุดตัน รูขุมขนอุดตันเกิดเป็นสิวได้ง่ายขึ้น หากหลีกเลี่ยงก็จะช่วยลดการเกิดสิวที่หลังได้
-
วิตามินผิว
มีทั้งแบบที่สามารถกินได้เช่น วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินอี และ Zinc แต่ถ้าใครอยากเห็นผลไวกว่ากินก็สามารถดริปวิตามินผิวได้ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยส่งให้วิตามินเข้าสู่ผิวโดยตรงช่วยให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น ป้องกันการเกิดสิว และผิวดูกระจ่างใสด้วย
-
ยาคุม
ยาคุมเป็นทั้งยาคุมลดสิว และป้องกันสิวได้ซึ่งการกินยาคุมจะช่วยควบคุมให้ฮอร์โมนในร่างกายไม่แปรปรวน กลับมาคงที่ลดปริมาณฮอร์โมนเพศชายที่ทำให้เกิดสิว กระตุ้นต่อมไขมัน ลดความมันผิว และใบหน้าให้น้อยลง
-
ใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่น
ถ้าเลือกเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ระบายอากาศได้ดีไม่รัดแน่นช่วยลดการเกิดสิวผด สิวต่างๆ ได้ เพราะเหงื่อที่ออกมาจากผิวหนังจะลดการอับชื้นได้เพราะเสื้อผ้าระบายอากาศได้ และยังไม่รัดแน่นจนเสียดสีผิวทำให้ระคายเคืองอีกด้วย
ผลข้างเคียงจากสิวที่หลัง
นอกจากเป็นสิวที่หลังจะกวนใจ ทำให้ไม่กล้าใส่เสื้อผ้าโชว์หลังแล้ว การเป็นสิวที่หลังยังทิ้งผลข้างเคียงอย่างรอยสิวที่หลังเอาไว้อีกด้วย ทำให้ต้องมาหาวิธีรักษารอยสิวที่หลังแบบเร่งด่วนเพื่อให้รอยสิวหายไปได้ไวที่สุด จะได้กลับมาโชว์หลังได้อย่างมั่นใจ ซึ่งใครที่มีปัญหารอยสิวที่หลังก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะมีวิธีรักษาให้หายได้
สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ : วิธีรักษารอยสิว
สรุป
สิวที่หลังเกิดได้จากรูขุมขนอุดตัน แบคทีเรีย อาการแพ้ของผิวหนัง และยังมีสาเหตุอื่นๆ อีกที่ทำให้เกิดสิวที่หลังโดยมักจะพบบ่อยว่าเป็นชนิดสิวอุดตัน สิวหนอง สิวผด โดยสามารถรักษาให้หายได้หากเลือกวิธีรักษาถูกวิธีเหมาะสมกับประเภทสิว