“ไหมในท้องตลาดต่อให้เป็นไหมที่มีชื่อเรียกเดียวกัน แต่อยู่คนละสถานที่ก็อาจไม่ใช่ชนิดเดียวกันก็ได้”
การร้อยไหมเพื่อยกกระชับผิว แก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ให้หน้าดูอ่อนวัย ส่วนใหญ่จะใช้เส้นไหมแบบมีเงี่ยง เนื่องจากเงี่ยงไหมจะเกี่ยวชั้นผิวและดึงยกกระชับขึ้นไปได้ โดยหนึ่งในไหมเงี่ยงที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ ไหมก้างปลา ซึ่งเรียกตามลักษณะของเงี่ยงไหม จะเป็นซี่เล็กคล้ายก้างของปลา เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ และเมื่อแพทย์ทำการรักษาก็จะอธิบายให้คนไข้เข้าใจได้ง่ายขึ้นค่ะ
ร้อยไหมก้างปลาดีไหม ?

การร้อยไหมก้างปลาเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ดีในการยกกระชับผิวเนื่องจากมีเงี่ยงที่สามารถเกาะกับชั้นผิวและดึงยกกระชับส่วนที่หย่อนคล้อยขึ้นมาได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยขาดความกระชับ รูปหน้าไม่เรียวอยากแก้ปัญหารูปหน้าเพื่อให้ใบหน้าเข้ารูป เรียวสวยมากขึ้น
โดยจะใช้เวลาในการทำไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ทั้งประหยัดค่าใช่จ่ายเพราะการร้อยไหมก้างปลาจะ ใช้งบน้อย และที่สำคัญมีความปลอดภัยเนื่องจากวัสดุสามารถสลายได้ไม่ตกค้าง
ไหมก้างปลาทั่วไปมีกี่ชนิดกี่แบบ ?
ลักษณะไหมก้างปลาจะแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่/คลินิก โดยทั่วไปไหมก้างปลาคือ ไหมเงี่ยงชนิดหนึ่งซึ่งเป็นไหมละลาย วัสดุที่นำมาผลิตเส้นไหมละลายมีหลายแบบได้แก่ PDO, PLLA และ PCL

ในส่วนของลักษณะเงี่ยงไหมจะมี 2 แบบคือ เงี่ยงแบบบาก และ เงี่ยงแบบหล่อ โดยจะมีคุณสมบัติในการยึดเกาะกับเนื้อเยื่อที่ต่างกัน ซึ่งไหมนั้นมีหลากหลายรูปแบบ หมอแนะนำให้เลือกไหมที่เหมาะสมกับปัญหาที่มีและลักษณะผิวของเรา สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ร้อยไหมมีกี่แบบ
คุณสมบัติของไหมก้างปลา เงี่ยงและเข็มเป็นอย่างไร

ลักษณะไหมก้างปลาของทางคลินิกเป็นดังนี้
- เข็มปลายแหลม เบอร์ 19G เส้นไหมขนาด USP 0 ความยาว 13cm
- เงี่ยงไหมเป็นเงี่ยงแบบบากซี่เล็กๆคล้ายลักษณะของก้างปลาบานออกจากแกนกลาง รอบทิศทางของเส้นไหม จะทำให้ยึดเกาะกับผิวได้ดีกว่าเงี่ยงไหมสองทิศทางแบบเดิม
- เส้นไหมเป็นวัสดุ PDO (Polydioxanone)
ข้อดีและข้อเสียของการร้อยไหมก้างปลา

ข้อดีของไหมก้างปลา
- ลักษณะเข็มปลายแหลมซึ่งจะเหมาะกับเคสที่ผิวมีพังผืดเยอะ ร้อยไหมปลายทู่ได้ยาก ได้แก่ ผู้ที่เคยมีการผ่าตัดบริเวณที่จะร้อยไหมมาก่อน มีแผลเป็นหลุมสิวบริเวณใบหน้าเยอะ เป็นต้น
- วัสดุ PDO (Polydioxanone) สามารถสลายได้เอง ไม่ตกค้างในร่างกาย
- เห็นผลลัพธ์ในเรื่องของการยกกระชับทันทีหลังการร้อยไหม
- ไม่มีรอยแผลขนาดใหญ่ และไม่ทิ้งรอยแผลเป็น
- ใช้เวลาในการทำไม่นานประมาณ 30-60 นาที
- ราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับไหมตัวอื่น
ข้อเสียของไหมก้างปลา
- เข็มปลายแหลมอาจเกิดการบวมช้ำได้มากกว่าไหมปลายทู่
- เงี่ยงมีความเล็กอาจไม่แข็งแรงพอสำหรับเคสที่มีความหย่อนคล้อยมาก หรือมีไขมันสะสมบริเวณใบหน้าเยอะ
- ในเคสที่ผิวหลวมเหลวหลังทำอาจเกิดรอยรั้งไหมบนผิวได้ในช่วง 2-4สัปดาห์แรก เนื่องจากไหมเป็นซี่เล็ก
- การคงสภาพในเรื่องของการยกกระชับประมาณ 4-6 เดือน ไม่ยาวนานพอเท่าไหมตัวอื่น
การวางแนวเส้นไหม
การใช้จำนวนเส้นไหมในแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัญหารูปหน้า ความกังวลของคนไข้ในแต่ละท่านเป็นหลัก ซึ่งหมอจะทำการประเมินจำนวนเส้นไหมและการวางแนวไหมตามปัญหาของแต่ละบุคคล โดยการวางแนวไหมคร่าวๆ ของทางคลินิกเพื่อแก้ปัญหาในแต่ละบริเวณจะเป็นดังนี้ค่ะ

- ปัญหากรอบหน้าไม่ชัด แก้มหย่อนคล้อย
แนะนำ 4-6 เส้น พื้นฐานของใบหน้าแต่ละคนเริ่มต้นที่ 4 เส้น ส่วนในคนที่มีแก้มห้อย มีเนื้อแก้มเยอะ ควรใช้ 6 เส้น เพื่อเพิ่มแรงในการดึงและยกได้เยอะมากขึ้น

- ปัญหาแก้มตอบ
แนะนำ 4-6 เส้น จะยกผิวที่หย่อนคล้อยมาเก็บตรงบริเวณแก้มตอบทำให้แก้มตอบดูเต็มขึ้น แต่คนที่แก้มตอบมาก ไม่มีเนื้อแก้มเลย แนะนำเป็นการเติมเต็มด้วยฟิลเลอร์แทน เพราะไม่มีเนื้อแก้มให้ดึงขึ้นมาปิดบริเวณแก้มตอบได้

- ปัญหาร่องน้ำหมาก
แนะนำ 8 เส้น วางแนวไหมตั้งแต่กรอบหน้า มาจนถึงบริเวณร่องน้ำหมาก และมุมปาก จะได้ความยกสวยแบบเป็นธรรมชาติ หมอจะไม่ทำการร้อยไหมข้ามมาดึงร่องน้ำหมากเลยเพราะจะดึงได้ไม่เยอะ ทำให้เกิดรอยรั้งไหมใต้โหนกแก้ม และทำให้โหนกแก้มจะดูสูงและใหญ่ขึ้นด้วย ที่สำคัญจะดูไม่เป็นธรรมชาติเพราะบริเวณกระเปาะแก้มด้านหลังจะป่องให้เห็นชัดเจน

- ปัญหาร่องแก้ม
แนะนำ 10-12 เส้น จะทำการวางแนวไหมตั้งแต่กรอบหน้า มาจนถึงบริเวณร่องน้ำหมาก มุมปาก ร่องแก้ม หมอจะไม่ทำการร้อยไหมข้ามมาดึงร่องแก้มเลยเพราะจะดึงได้ไม่เยอะ ทำให้โหนกแก้มก็จะดูสูงและใหญ่ขึ้น
ที่สำคัญจะดูไม่เป็นธรรมชาติเพราะบริเวณกระเปาะแก้มด้านหลังจะป่องให้เห็นชัดเจนถ้าดึงแค่ช่วงบริเวณร่องแก้ม และถ้าเป็นร่องแก้มลึกเป็นแนว แนะนำเป็นการเติมเต็มด้วยฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า

จำนวนเส้นไหมและแนวไหมดังกล่าวเป็นแบบแผนคร่าวๆสำหรับการร้อยไหมอย่างต่ำที่ควรจะเป็น แต่ถ้าเราเพิ่มจำนวนเส้นไหมและวางแนวไหมให้ถี่มากกว่าเดิมจะสามารถทำให้การยกกระชับเป็นไปได้มากขึ้นและผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานขึ้นเนื่องจากยิ่งมีไหมหลายเส้นการกระจายแรงจะดีขึ้น ทำให้แรงยกมากขึ้นค่ะ
ไหมก้างปลาอยู่ได้นานแค่ไหน ?
อายุในการทำงานของเส้นไหมก้างปลาจะละลายหมดไปที่ประมาณ 4-6 เดือน โดยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่
- สภาพผิวของคนไข้ บางคนมีคอลลาเจนในผิวน้อย ผิวหลวมมีช่องว่างเยอะ การเกาะของไหมจะไม่ดี ก็จะทำให้อายุของไหมสั้นลง ผิวมีอัตราในการสร้างคอลลาเจนไม่ดี ทำให้ไหมที่ร้อยไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลงไปด้วย
- การดูแลหลังร้อยไหม มีผลต่ออายุของไหมเช่นกัน ไหมเป็นไหมละลาย หลังร้อยไหมไปในช่วง 4สัปดาห์แรก ควรงดโดนความร้อน การอบไอน้ำ เลเซอร์ อบซาวน่า จะทำให้ไหมละลายไวจนเกินไป ไหมก็จะอยู่กับเราได้ไม่นาน โดยสามารถอ่านข้อควรปฏิบัติหลังร้อยไหมเพิ่มเติมได้ที่ วิธีดูแลหลังร้อยไหม
- จำนวนเส้นไหมที่เหมาะสมกับปัญหาที่มี ถ้าเส้นไหมน้อยเกินไปผิวจะถ่วงลงมาได้ไว แนะนำร้อยไหมให้จบในครั้งเดียวดีกว่าร้อยหลายๆครั้งแล้วเก็บปัญหาทีละส่วน
- การใช้ชีวิตประจำวัน ถ้าเป็นคนที่ต้องแสดงสีหน้าเยอะ ไหมจะขยับตามการขยับของกล้ามเนื้อได้ ซึ่งจะทำให้ไหมตกไว
ทำไมบางคนบอกว่าร้อยไหมก้างปลาไม่เห็นผล ?
การที่ร้อยไหมไปแล้วไม่เห็นผล อาจจะเกิดจากจำนวนเส้นไหมไม่เพียงพอต่อปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข ชนิดไหมไม่เหมาะสมกับสภาพผิว การร้อยไหมไม่ใช่การแก้ไขที่ถูกต้องของปัญหาที่มี หรือเทคนิคของแพทย์ในการร้อยไหมยังไม่ดีพอ !!!

การร้อยไหมในแต่ละคนแพทย์จะทำการประเมินรูปหน้าให้ก่อนทำ จำนวนไหมที่ใช้และลักษณะของไหมที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับรูปหน้า สภาพผิว และปัญหาของแต่ละคน
ซึ่งการร้อยไหมจะเห็นผลทันทีหลังทำ หน้าจะยกกระชับได้รูปสวยมากขึ้น บางคนบอกเคยร้อยไหมก้างปลาแล้วไม่ยก ไม่ได้ผลตามที่หวังเลย ต้องดูจากรูปหน้าคนไข้ ถ้ามีแก้มเยอะ การที่ใช้จำนวนเส้นไหมไม่เพียงพอ การวางแนวไหมไม่ตรงจุด ก็จะทำให้การร้อยไหมไม่ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจของคนไข้ได้
ซึ่งสำคัญว่าต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการร้อยไหมที่มีประสบการณ์เท่านั้น จะทำให้ผลลัพธ์หลังร้อยไหมออกมาเป็นที่น่าพอใจของคนไข้ได้
เตรียมตัวก่อนการร้อยไหมอย่างไร ?
ก่อนมาร้อยไหมจะต้องมีการเตรียมความพร้อมมาก่อนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีของการร้อยไหม เช่น

- สระผมก่อนที่จะมาร้อยไหม เพราะบริเวณขมับจะเป็นทางไหมเข้า จะงดโดนน้ำ 2 วันเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- หากมีนัดทำฟันให้ทำฟันก่อนมาร้อยไหม เพราะหลังร้อยไหมต้องงดอ้าปากกว้างๆ เพื่อไม่ให้ไหมเคลื่อน
- งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 1 วันก่อนมาร้อยไหม เพราะแอลกอฮอล์เป็นสิ่งกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดออกง่าย เวลาร้อยไหมจะทำให้เกิดอาการ บวม ช้ำได้
- งดรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมพวก Collagen, Vitamin E, Fish oil, แปะก๊วย, โสม, สมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน รวมไปถึงยาทานกลุ่ม NSAIDs เช่น aspirin, ibuprofen ประมาณ 7 วัน เพราะจะไปกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนเลือด จะทำให้ขณะร้อยไหมมีเลือดไหลเยอะ และเกิดอาการเขียว บวม ช้ำ ได้มากกว่าปกติ
- ต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนถ้ามียาที่ทานประจำ เช่น ยาสลายลิ่มเลือด เพราะส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือด ทำให้เกิดเลือดหยุดไหลช้า
- แจ้งประวัติการแพ้ยา เช่น แพ้ยาชาแบบฉีด แพ้ยาชาแบบทา เพื่อเป็นการป้องกันและรับมือสำหรับแพทย์และผู้ช่วยแพทย์ อาการแพ้ยาต่างๆ แจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนทุกครั้ง
ควรดูแลหลังทำอย่างไร ?
การดูแลหลังร้อยไหมเป็นอีกปัจจัยสำคัญเพื่อที่จะทำให้หลังร้อยไหมได้ผลลัพธ์ที่ดี ให้ไหมยกกระชับอยู่ได้นาน และสวยอย่างที่ใจต้องการ

- หลังทำเสร็จประคบเย็นบริเวณที่ร้อยไหมเพื่อลดอาการเขียว บวม ช้ำ ประคบทันทีเยอะๆ หลังทำจะช่วยลดบวมได้ไว และประคบบ่อยๆในช่วง 3 วันหลังทำ
- แผลบริเวณไหมเข้าตรงขมับจะมีพลาสเตอร์ปิดไว้ให้งดโดนน้ำ 2 วัน ส่วนบริเวณอื่นสามารถโดนน้ำได้ พลาสเตอร์ที่ปิดไว้ครบ 2 วัน สามารถโดนน้ำได้ปกติ
- งดออกกำลังกายหนักๆ 2-4 สัปดาห์ ที่ทำให้ผิวหน้ากระทบกระเทือน เพราะจะทำให้ไหมเคลื่อนได้
- งดโดนความร้อน 4 สัปดาห์ เช่น การทำเลเซอร์ อบไอน้ำ อบซาวน่า เพราะจะทำให้ไหมที่ยังไม่เข้าที่ ละลายเร็วเกินไป หน้าจะยกกระชับอยู่ได้ไม่นาน
- งดทำฟันที่ 4 สัปดาห์ เพราะการอ้าปากกว้างๆจะทำให้ไหมเคลื่อนได้
- งดแอลกอฮอล์ ของหมักดอง อาหารรสจัด 1-2 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้หน้าบวม และยังทำให้ผิวหลังร้อยไหมซ่อมแซมได้ช้า
- งดกด นวด คลึง บริเวณใบหน้า 4 สัปดาห์ เพราะจะทำให้ไหมในชั้นผิวเคลื่อนได้ และผิวหน้าจะกลับมาหย่อนคล้อยได้
- ควรใส่ผ้ารัดหน้าหลังการร้อยไหมเวลาเกิดการกระทบกระเทือนผิวหน้า ผ้ารัดหน้าจะช่วยพยุงผิวหน้าลดการเคลื่อนในขณะที่ไหมยังไม่เข้าที่ดี
- งดแต่งหน้า 24 ชั่วโมง เพราะต้องให้รูเข็มเล็กๆปิดให้สนิทก่อน ลดการติดเชื้อได้ และให้ทาครีมแบบเบามือ ทิศทางลูบขึ้น
- สามารถทานพวกคอลลาเจน วิตามินที่ทานเป็นประจำ น้ำมะพร้าวสด น้ำฟักทอง น้ำใบบัวบก เพื่อให้ผิวหลังร้อยไหมซ่อมแซมได้ไว รอยริ้วไหม คลื่นไหมก็จะหายได้ไว
- รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
การดูแลหลังร้อยไหมมีความสำคัญ เนื่องจากไหมจะเข้าที่ดีประมาณ 4สัปดาห์ ใบหน้าจะได้ยกกระชับ สวยได้นาน

สรุป
การร้อยไหมก้างปลาเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะเห็นผลลัพธ์ในเรื่องของการยกกระชับ หน้าเรียวสวยที่ชัดเจนแบบทันใจ โดยเป็นการใช้ไหมที่มีเงี่ยงมาร้อยเพื่อยกกระชับผิวที่ย่อนคล้อยขึ้น
อีกทั้งยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิว ช่วยให้ผิวฟูแน่น ตึงกระชับ ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนานให้เสียเวลางาน สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และค่าใช้จ่ายค่อนข้างถูกทำให้ประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้เยอะเลยค่ะ
อ่านเพิ่มเติม : ไหมทอร์นาโดหรือไหมก้างปลา
