สิวที่หูนั้นสามารถขึ้นได้หลายๆ จุดไม่ว่าจะเป็นรอบๆ หูภายนอก หรือด้านในหูก็สามารถมีสิวขึ้นได้ ซึ่งในบทความนี้หมอจะพาทุกคนทำความรู้จักเกี่ยวกับสิวที่หูไม่ว่าจะเป็นสาเหตุของการเกิดสิวที่หู หรือวิธีการรักษาสิวที่หูค่ะ
สิวที่หูเกิดจากอะไร
สิวที่หูเกิดจากอะไร ทำไมถึงเป็นสิวที่หูขึ้นมาได้มีด้วยกันอยู่หลายสาเหตุ หลายปัจจัยซึ่งสาเหตุที่พบได้บ่อยทำให้เกิดสิวหูได้มีดังนี้
-
แบคทีเรีย
มีสิ่งสกปรก หรือแบคทีเรียสะสมอยู่เยอะทั้งบริเวณนอกหู และในหูจนทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อกลายเป็นสิวขึ้นมาซึ่งแบคทีเรียสามารถทำให้เกิดสิวอักเสบที่รู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัสได้
-
รูขุมขนอุดตัน
ที่หูก็มีรูขุมขนอยู่เหมือนกันจึงทำให้สามารถเกิดการอุดตันของรูขุมขนในบริเวณหูได้ โดยเกิดจากเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ไขมัน สิ่งสกปรกรวมตัวกัน และทำให้เกิดสิวอุดตันประเภทต่างๆ ตามมาได้
-
ฮอร์โมน
เมื่อร่างกายมีระดับฮอร์โมนที่ไม่คงที่จะกระตุ้นให้เกิดสิวได้หลายๆ ชนิดทั้งสิวอุดตัน และสิวอักเสบเพราะมีฮอร์โมนเพศชายในร่างกายมากเกินไป ซึ่งมักเรียกสิวที่เกิดจากการแปรปรวนของฮอร์โมนว่า สิวฮอร์โมน
-
แพ้ผลิตภัณฑ์
อาจเกิดอาการแพ้สารบางตัวที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้อย่างโฟมล้างหน้า ยาสระผมทำให้เกิดเป็นผื่นคันขึ้นมาบริเวณหู และยังมีโอกาสที่จะเกิดประเภทสิวต่างๆ ตามมาได้เช่น สิวหนอง สิวอักเสบ
-
ของที่ใช้
สิ่งของที่ใช้ไม่สะอาดมีสิ่งสกปรกอยู่ เช่นหูฟังที่หลายๆ คนชอบลืมทำความสะอาดเมื่อใส่เข้าไปที่หูบ่อยๆ อาจทำให้เกิดสิวในหูได้จากสิ่งสกปรกที่อยู่ในหูฟัง หรือหมอนที่ใช้นอนสะอาดไม่พอก้ทำให้เกิดสิวได้ในบริเวณนอกหู
สิวที่หูบอกโรคอะไร
ถึงแม้จะจะไม่มีการวิจัยที่แน่ชัดว่าการเกิดสิวที่หูสามารถบอกว่าเป็นโรคอะไรได้แน่ชัดอย่างถูกต้อง แต่ก็สามารถคาดคะเนได้ ซึ่งถ้าหากเป็นสิวที่หูอาจมีปัญหาเกี่ยวกับไตได้ เช่นไตทำงานได้ไม่ดีพอ ไม่สามารถขับของเสียสารพิษที่อยู่ในร่างกายออกมาได้ดีเท่าปกติ
วิธีรักษาสิวที่หู
ถ้าพูดถึงการรักษาสิวที่หูอาจดูเหมือนมีวิธีรักษายาก รักษาลำบาก แต่จริงๆ แล้ววิธีรักษาสิวที่คล้ายกับการรักษาสิวในบริเวณอื่นๆ เหมือนกันโดยมีดังนี้
-
กดสิวที่หู
การกดสิวจะใช้เครื่องมือสำหรับกดสิวเพื่อเปิดหัวสิว และนำหัวสิวออกมาจากใต้ชั้นผิว เหมาะสำหรับสิวอุดตันอย่างสิวหัวขาว สิวหัวดำที่หู แต่ควรทำกับผู้เชี่ยวชาญเพราะอาจทิ้งรอยแผล หรือทำให้อักเสบมากขึ้นได้
-
ฉีดสิวที่หู
เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาสิวที่หูเป็นก้อนแข็งๆ อย่างสิวไต สิวหัวช้าง โดยจะใช้สารสเตียรอยด์ฉีดเข้าไปในจุดที่เป็นสิวจากนั้นสิวก็จะค่อยๆ นิ่มลง และยุบหายไป โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน
-
แผ่นแปะสิวที่หู
สำหรับใครที่มีปัญหาเป็นสิวอักเสบ สิวหนองที่หู สามารถใช้แผ่นแปะสิวแปะเข้าไปในบริเวณที่เป็นสิวได้ โดยแผ่นแปะสิวจะช่วยป้องกันไม่ให้สิวอักเสบมากขึ้น ดูดหนองออกจากสิวทำให้สิวแห้งและหายไปเอง
-
ยารักษาสิวที่หู
ถ้าเป็นยารักษาสิวสำหรับทาควรมีส่วนผสมของ Tretinoin, Glycolic acid, Salicylic acid, Benzoyl peroxide, Antibiotics ที่ช่วยลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อสิวที่อยู่ในหูได้ดี สำหรับยาแบบรับประทานมีทั้งยาปฏิชีวนะที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย วิตามินลดสิวต่างๆ และยาคุมลดสิวก็สามารถช่วยได้
การดูแลป้องกันสิวที่หู
เพื่อไม่ให้เกิดสิวที่หู หรือมีสิวที่หูบ่อยๆ ควรรู้จักวิธีป้องกันสิวที่หู ดูแลหูให้ถูกวิธีโดยมีวิธีป้องกันสิวที่หูไม่ให้เกิดขึ้นดังนี้
-
ล้างหูให้สะอาด
ควรดูแลรักษาใบหู รอบๆ หู ภายในหูให้โดยสะอาดใช้น้ำที่สะอาด และสบู่ล้างหูเนื่องจากเป็นจุดที่คนมักลืมทำความสะอาดอยู่บ่อยๆ จึงเกิดการสะสมของสิ่งสกปรก แบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้ง่าย
-
ยาคุม
ยาคุมสามารถช่วยได้ทั้งป้องกันสิวที่จะเกิดขึ้น และยังเป็นยาคุมลดสิวได้ด้วยเพราะยาคุมจะเข้าไปปรับให้ฮอร์โมนในร่างกายคงที่ไม่แปรปรวน จึงลดการเกิดสิวในอนาคตได้ดี
-
ทำความสะอาดของใช้
ของใช้ส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับหูโดยตรงอย่างหูฟัง หมอน หรือหมวกหากดูแลของใช้พวกนี้ได้ไม่ดี หรือไม่ได้ทำความสะอาดเลยสามารถทำให้สิ่งสกปรกที่เกาะอยู่บนของใช้มาเกาะอยู่ที่หูได้ จึงควรซักหมวกซักหมอน และมั่นทำความสะอาดหูฟังอยู่บ่อยๆ
-
งดแกะ บีบสิวที่หู
หากเป็นสิวที่หูแล้วชอบไปจับ ไปแกะ หรือบีบสิวที่หูออกมาหมอแนะนำให้หยุดค่ะ เนื่องจากสามารถทำให้สิวที่หูระคายเคืองมากกว่าเดิมจนกลายเป็นสิวอักเสบรุนแรงอย่างสิวหัวช้างได้ เพราะมือที่ไม่สะอาด และหัวสิวออกมาจากใต้ชั้นผิวไม่หมด
-
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์
หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของพาราเบน และซิโคนในครีมล้างหน้า ยาสระผมเพราะสามารถทำให้เกิดการอุดตันในบริเวณหูได้ นอกจากนี้ยังควรทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนใช้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้