จับหน้าแล้วรู้สึกไม่เรียบ เป็นตุ่มเล็กๆ คล้ายกับสิวอุดตัน ไม่รู้ว่าเป็นอะไรอาจจะเป็นสิวหินได้ค่ะ ซึ่งหมอจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับสิวหินว่าคืออะไร มีลักษณะแบบไหน มีการรักษาสิวหินด้วยวิธีไหนบ้าง และต่างกับสิวข้าวสารอย่างไรในบทความนี้ค่ะ
สิวหินคืออะไร
สิวหิน (Syringoma) คือ เนื้องอกในท่อเหงื่อที่อยู่ลึกลงไปในผิวหนังชั้นหนังแท้ แต่ไม่เป็นอันตราย ไม่มีอาการเจ็บ อาการคัน และไม่ใช่สิวแม้จะเรียกว่าสิวหินเนื่องจากมีลักษณะคล้ายสิว
โดยสิวหินมีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็กๆ เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกถึงก้อนแข็งๆ เล็กๆ ใต้ชั้นผิว มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากขนาดประมาณ 1 – 3 มิลลิเมตร มักมีสีเดียวกับสีผิว หรือสีขุ่นออกเหลืองๆ บางทีอาจจะทำให้สับสนกับสิวผด สิวอุดตัน หรือสิวข้าวสารได้
สิวหินเกิดจากอะไร
สาเหตุที่เกิดสิวหินขึ้นมาบนผิวหนังเกิดได้จากหลายๆ ปัจจัย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวหินมีทั้งหมดดังนี้
-
พันธุกรรม
หากมีประวัติว่าคนในครอบครัวเป็นสิวหินอาจจะส่งผลต่อรุ่นลูก รุ่นหลานเป็นสิวหินได้ หรือ พันธุกรรมผิดปกติทำให้ต่อมเหงื่อทำงานนั้นจนร่างกายสร้างสิวหินขึ้นมาบนผิวหนังได้
-
ต่อมเหงื่อผิดปกติ
มีการหลั่งเหงื่อออกมามากเกินไปจากต่อมเหงื่อผิดปกติ จากความเครียด การออกกำลังกาย หรืออากาศร้อน ซึ่งอาจทำให้ท่อต่อมเหงื่อ กับเนื้อเยื่อไฟบรัสรวมกันจนเกิดเป็นเนื้องอก ตุ่มแข็ง อย่างสิวหินใต้ผิวหนังขึ้นมา
-
อายุมากขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้นจะเริ่มพบว่ามีสิวหินขึ้นมาตามผิวหนังบริเวณต่างๆ และเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ และอาจมีขนาดของสิวหินใหญ่มากขึ้นกว่าปกติ
-
เพศ
จากการวิจัยพบว่าสิวหินมักพบเจอในผู้หญิงได้บ่อย กว่าผู้ชาย โดยเฉพาะผู้หญิงชาวเอเชีย สีผิวเข้มมีโอกาสที่จะเกิดสิวหินขึ้นมาตามผิวหนังได้ง่ายขึ้นค่ะ
บริเวณไหนที่เกิดสิวหิน
สิวหินมักพบเจอได้หลายๆ บริเวณตามร่างกาย ซึ่งที่สามารถพบสิวหินได้บ่อยส่วนมากจะเป็นใบหน้า แต่ตามร่างกายบริเวณอื่นๆ ก็สามารถมีสิวหินได้ จึงทำให้ใครหลายๆ คนรู้สึกรำคาญ โดยบริเวณที่สามารถพบสิวหินได้บ่อยมีดังนี้
-
สิวหินที่หน้าผาก
บริเวณหน้าผากเป็นบริเวณที่พบสิวหินได้บ่อยเนื่องจากมีการหลั่งเหงื่อ หลั่งน้ำมันผิวออกมามาก ทำให้สิวที่หน้าผากนอกจากจะเกิดเป็นสิวหินขึ้นมาแล้ว ยังสามารถเกิดสิวชนิดอื่นๆ ได้
-
สิวหินรอบดวงตา
เป็นบริเวณที่สามารถพบเจอสิวหินได้บ่อยที่สุดขึ้นกระจายรอบๆ ดวงตา โดยสิวหินที่บริเวณรอบดวงตามักจะขึ้นที่บริเวณใต้ตาเป็นส่วนใหญ่โดยขึ้นเป็นหลายๆ จุดใกล้ๆ กัน แต่ก็มีโอกาสที่สิวหินจะไปขึ้นบริเวณเปลือกตาได้
-
สิวหินที่จมูก
การเกิดสิวหินขึ้นเป็นสิวที่จมูกพบได้ค่อนข้างน้อยกว่าบริเวณรอบดวงตา แต่ก็สามารถพบได้โดยสิวหินจะขึ้นในช่วงสันจมูก ข้างจมูก
-
สิวหินที่แก้ม
หากเกิดเป็นสิวหินที่แก้ม มักจะพบเจอได้ในช่วงบริเวณโหนกแก้มเป็นส่วนมาก หากเป็นบริเวณช่วงหน้าแก้ม หรือบริเวณแก้มช่วงล่างนั้นสามารถเกิดสิวหินได้ยาก สิวที่แก้มในบริเวณหน้าแก้มกับแก้มช่วงล่างมักเป็นสิวประเภทอื่นๆ มากกว่าค่ะ
-
สิวหินที่หน้าอก
เมื่ออากาศร้อน หรือไปออกกำลังกายมาก็จะเกิดจากการอับชื้น เสื้อผ้าเสียดสีเพราะมีเหงื่อผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก จึงมีโอกาสที่สิวหินจะขึ้นมาเป็นสิวที่อกได้
-
สิวหินที่หลัง
การเกิดสิวหินที่หลังคล้ายกับการเกิดสิวที่หน้าอก คือเหงื่อออกมากจนทำให้ผิวหนังเปียกชื้น ท่อเหงื่อกับเนื้อเยื่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นก้อนเล็กๆ ขึ้นมาเป็นสิวที่หลังแต่พบได้น้อย
วิธีรักษาสิวหิน
สิวหินเป็นสิวที่สามารถหายไปเองได้แม้จะไม่ต้องรักษา แต่ใช้ระยะเวลาที่นานมากกว่าจะหายไป จึงสร้างความรำคาญใจบนใบหน้า ทำให้ผิวดูไม่เรียบ หลายๆ คนที่มีสิวหินจึงอยากกำจัดรักษาให้สิวหินออกไปจากใบหน้าให้เร็วที่สุด โดยวิธีรักษาสิวหินมีทั้งหมดดังนี้
-
กดสิวหิน
สิวหินสามารถกดออกได้แต่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญอย่างมาก เพราะสิวหินเป็นสิวที่ค่อนข้างแข็ง และอยู่ลึกลงไปใต้ชั้นผิวหากกดสิวหินออกมาไม่หมดอาจทำให้ผิวบริเวณนั้นอักเสบเกิดเป็นแผลเป็น หรือเป็นสิวอักเสบได้
-
เลเซอร์กำจัดสิวหิน
วิธีนี้จะคล้ายกับการกดสิว แต่สะดวกและปลอดภัยกว่าเพราะจะเครื่องเลเซอร์อย่าง Co2 Laser ในการยิงเปิดหัวสิวจากนั้นใช้เครื่องมือกดสิวหินออกมา ซึ่งเลเซอร์สามารถเปิดหัวสิวได้ดีกว่าการกดสิวธรรมดา และมีโอกาสน้อยกว่ามากที่จะเกิดการอักเสบทำให้กลายเป็นสิวอักเสบได้
-
นำสิวหินออกด้วยการจี้ไฟฟ้า
เป็นอีกวิธีในการนำสิวหินออกด้วยการใช้ไฟฟ้าจี้เข้าไปในบริเวณที่เป็นสิวหิน หลังจากนั้นก็ทำการกดเพื่อเอาสิวหิน อาจจะเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยอย่าง มีอาการช้ำ รอยแดงในบริเวณที่จี้ไฟฟ้า แต่ก็จะหายไปเองในไม่กี่วัน
-
ความเย็นรักษาสิวหิน
ทำการรักษาด้วยการใช้ความเย็นสูงอย่างไนโตรเจนเหลว นำไปจี้บริเวณที่เป็นสิวหิวจนทำให้สิวหินนั้นแข็งตัวจนสามารถสะกิดให้สิวหินหลุดออกมาได้ ซึ่งมีโอกาสเกิดเป็นแผลเป็นสูงต้องทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
-
ผ่าตัดสิวหิน
เหมาะสำหรับสิวหินที่มีขนาดใหญ่มากกว่าปกติ นำสิวหินที่อยู่ใต้ชั้นผิวออกได้มายากจำเป็นต้องใช้วิธีการผ่าตัด แต่วิธีนี้เป็นวิธีนี้ไม่นิยมเนื่องจากมีโอกาสเกิดแผลเป็น และเสี่ยงติดเชื้อหากทำการรักษาได้ไม่ดี
-
ยารักษาสิวหิน
สำหรับการรักษาสิวหินด้วยยาจะมีด้วยกัน 2 แบบคือ แบบทา และแบบรับประทาน แบบทาหมอแนะนำเป็นตัวผลัดเซลล์ผิวอย่าง เรตินอยด์ อะโทรพีน หรือกลุ่มวิตามินลดสิวอย่างวิตามินซีที่สามารถช่วยลดสิวหินได้ ถ้าเป็นยาแบบรับประทานหมอแนะนำเป็น Tranilast แต่ยารักษาสิวหินพวกนี้ต้องใช้ระยะเวลาที่ค่อนข้างนานกว่าจะหายค่ะ
สิวหินต่างกับสิวข้าวสารไหม
สิวหินกับสิวข้าวสารเป็นประเภทสิวเทียมเหมือนกันคือโรคผิวหนังที่มีลักษณะเหมือนสิวแต่ไม่ใช่สิว นอกจากนี้ยังมีลักษณะภายนอกที่ค่อนข้างคล้ายกันทำให้แยกออกได้ยาก สิวหินจะมีความนูนที่น้อยกว่า เมื่อสัมผัสจะไม่แข็งเท่าสิวข้าวสาร และชนิดของโรคผิวหนังก็แตกต่างกันสิวข้าวสารคือซีสต์ที่มีผนัง ต่างจากสิวหินที่เป็นเนื้องอกค่ะ
สรุป
สิวหินเป็นเนื้องอกชนิดหนึ่งที่ไม่เป็นอันตรายเกิดจากท่อเหงื่อรวมตัวกันกับเนื้อเยื่อจนเกิดเป็นก้อนใต้ชั้นผิว สามารถรักษาได้หลายวิธีไม่ว่าจะเป็น การกดสิวหิน เลเซอร์กำจัดสิวหิน หรือวิธีอื่นๆ แต่ควรรักษากับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงค่ะ