โบท็อกซ์ริ้วรอยสามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าได้ โดยสามารถนำมาฉีดได้หลายจุดบนใบหน้าที่มีปัญหาริ้วรอย ซึ่งเมื่อฉีดไปแล้วริ้วรอยจะดูตื้น ผิวตึงกระชับมากขึ้น แต่การฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยอาจไม่เหมาะกับริ้วรอยบางประเภทค่ะ
โบท็อกซ์ริ้วรอยคืออะไร
โบท็อกซ์ริ้วรอย คือการฉีดสาร โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) โดยแพทย์จะทำการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปยังมัดกล้ามเนื้อบริเวณเพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อที่หดเกร็งบนใบหน้าชั่วคราว หยุดการทำงานของกล้ามเนื้อบนใบหน้าที่ทำให้เกิดริ้วรอย
ส่งผลให้กล้ามเนื้อรู้สึกผ่อนคลาย จุดที่มีริ้วรอยอย่างบริเวณ หางตา หน้าผาก ผิวหน้าบริเวณที่ฉีดกลับมามีความเรียบตึง ซึ่งโบท็อกซ์จะช่วยทำให้ริ้วรอยดูลดน้อยลงได้ ผิวตึงขึ้น และยังป้องกันการเกิดริ้วรอยถาวรในอนาคตได้ด้วย
โบท็อกซ์ริ้วรอยควรฉีดริ้วรอยแบบไหน
ริ้วรอยแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือริ้วรอยแบบตื้นที่มักเกิดเพราะผิวแห้ง ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า และริ้วรอยถาวรที่สามารถมองเห็นได้แม้จะไม่ได้แสดงสีหน้าอยู่ ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยนั้นจะสามารถฉีดเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยได้ประเภทเดียวคือ ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า หากเป็นริ้วรอยประเภทอื่นๆ โบท็อกซ์จะช่วยได้เพียงเล็กน้อย ต้องทาครีม รักษาด้วยวิธีการอื่นแทน อย่างการฉีดฟิลเลอร์
ข้อดีของโบท็อกซ์ริ้วรอย
- ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดเมื่อแสดงสีหน้า
- ป้องกันการเกิดริ้วรอยถาวร ชะลอริ้วรอยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ข้อเสียของโบท็อกซ์ริ้วรอย
- ไม่สามารถแก้ไขริ้วรอยร่องลึกได้
- ผลลัพธ์ไม่ถาวรอยู่ได้นานประมาณ 4 – 6 เดือนขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกซ์
โบท็อกซ์ริ้วรอยสามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง
โบท็อกซ์ริ้วรอยสามารถฉีดได้ทุกบริเวณที่แสดงสีหน้าแล้วเห็นเป็นริ้วรอยขึ้นมา แต่บริเวณที่มักพบริ้วรอยบ่อย และมักนิยมฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยกันมีดังนี้
-
โบท็อกซ์ริ้วรอยระหว่างคิ้ว
มักจะเห็นได้บ่อยเมื่อขมวดคิ้ว ซึ่งสามารถกลายเป็นริ้วรอยถาวรได้ จึงควรฉีดโบท็อกซ์เพื่อให้รอยย่นระหว่างคิ้วตึงขึ้น ใช้โบท็อกซ์ประมาณ 6 – 15 ยูนิต
-
โบท็อกซ์ริ้วรอยหน้าผาก
หากเป็นคนที่ชอบเลิกหน้าผากอยู่บ่อยๆ ควรที่จะฉีดโบท็อกซ์บริเวณนี้เพื่อลดริ้วรอย ใช้โบท็อกซ์ประมาณ 15 – 20 ยูนิต
-
โบท็อกซ์ตีนกา
เป็นบริเวณที่พบได้บ่อยอีก 1 จุด เพราะเป็นจุดที่บาง และมีการขยับอยู่บ่อยๆ เกิดตีนกาได้ง่าย แนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์ตีนกาบริเวณนี้ค่ะ ใช้โบท็อกซ์ประมาณ 15 – 20 ยูนิต
-
โบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตา
เป็นริ้วรอยเล็กๆ รอยย่นเล็กๆ ใต้ดวงตา หลังฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตาจะดูจางขึ้น แต่อาจเกิดปัญหาตาแข็ง ดูไม่เป็นธรรมชาติได้ จึงควรฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญค่ะ ใช้โบท็อกซ์ประมาณ 15 – 20 ยูนิต
-
โบท็อกซ์รอยย่นสันจมูก
เป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นเมื่อ และหัวเราะ เหมาะสำหรับคนที่ติดย่นจมูกเวลาหัวเราะ หลังฉีดจะช่วยรัดแกนจมูกให้สันจมูกดูคมชัดมากขึ้นด้วย ใช้โบท็อกซ์ประมาณ 4 – 6 ยูนิต
โบท็อกซ์ริ้วรอยกี่วันเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน ?
หลังฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยจะเริ่มเห็นผลหลังฉีดประมาณ 3 – 5 วัน โดยผิวบริเวณที่ฉีดจะค่อยๆเรียบตึง ริ้วรอย รอยย่นลดลง และเห็นผลลัพธ์เต็มที่ประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีด และอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกซ์ จุดที่ฉีด และการดูแลของแต่ละคนค่ะ
โบท็อกซ์ลดริ้วรอยราคาเท่าไหร่ ?
ราคาโบท็อกซ์ริ้วรอยจะแตกต่างกันไปตามยี่ห้อที่เลือกใช้ และปริมาณยูนิตที่ใช้ฉีดริ้วรอย โดยที่ Patcha Clinic มีราคาโบท็อกซ์ริ้วรอยดังนี้
- โบท็อกซ์ Aestox ราคา 3,500 บาท/50 ยูนิต
- โบท็อกซ์ Aestox ราคา 6,900 บาท/100 ยูนิต
- โบท็อกซ์ Nabota ราคา 7,900 บาท/100 ยูนิต
- โบท็อกซ์ Dysport ราคา 13,900 บาท/120ยูนิต
- โบท็อกซ์ Allergan ราคา 7,900 บาท/50ยูนิต
- โบท็อกซ์ Allergan ราคา 14,900 บาท/100ยูนิต
คลิกดูโปรโมชั่นโบท็อกซ์เพิ่มเติม: ราคาโบท็อกซ์
ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย
เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดออกมาดี และผลลัพธ์อยู่ได้นานไม่ควรทำสิ่งดังต่อไปนี้หลังฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย
- โดนความร้อนหลังฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ควรหลีกเลี่ยงประมาณ 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะการเลเซอร์ ซาวน่า หรือแม้แต่การกินชาบูโดนควันร้อนๆ ก็สามารถทำให้โบท็อกซ์สลายไว และไม่ค่อยเห็นผลได้ค่ะ
- นอนราบทันทีหลังฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยในช่วง 4 ชั่วโมงแรก ไม่ควรทำเพราะอาจทำให้ตัวยากระจายเข้าสู่กล้ามเนื้อที่ไม่ต้องการ อาจเกิดอาการหนังตาตก หรือปากเบี้ยวได้
- นวดในจุดที่ฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย ไม่ควรทำ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการกดแรงๆ ประมาณ 2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ตัวยาโบท็อกซ์กระจายไปยังจุดอื่นๆ ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการได้