ปัญหาริ้วรอยใต้ตาทำให้ใบหน้าดูมีอายุก่อนวัย ไม่สดใส สามารถแก้ไขได้หลายวิธี ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยใต้ตา ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่สามารถช่วยได้ แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์ใต้ตา และไม่ใช่ริ้วรอยใต้ตาทุกประเภทที่จะแก้ไขด้วยการฉีดโบท็อกซ์แล้วจะเห็นผล ซึ่งริ้วรอยใต้ตาแบบไหนที่จะเหมาะหรือไม่เหมาะ หรือฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยใต้ตาไปแล้วจะเกิดปัญหาอะไรตามมาได้บ้าง หมอจะมาไขข้อสงสัยให้อย่างละเอียดในบทความนี้ค่ะ
ริ้วรอยใต้ตา เกิดจากอะไร ?

ริ้วรอยบริเวณใต้ตา เกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
-
แสงแดดและรังสี UV
เมื่อกระทบกับผิวจะสามารถเข้าไปทำลายเซลล์ผิวหนัง คอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดรอยเหี่ยวย่น
-
พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน
เช่น การแสดงอารมณ์ทางสีหน้า การยิ้ม การหัวเราะ การร้องไห้ การพักผ่อนอย่างไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ หรือการสูบบุหรี่เองก็มีส่วนอย่างมากเช่นกันค่ะ
-
ภาวะความเครียด
อย่างที่เคยได้ยินกันมานะคะว่า ยิ่งเครียดก็ยิ่งแก่วัย เพราะความเครียดจะทำให้เกิดฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งฮอร์โมนนี้จะไปทำลายคอลลาเจน และลดการผลิตคอลลาเจน ทำให้เกิดริ้วรอย รอยเหี่ยวย่นใต้ตาได้ก่อนวัยอันควรนั่นเอง
-
อายุที่มากขึ้น
เมื่อมีอายุมากขึ้น ความสามารถในการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวลดลง ทำให้ผิวไม่เต่งตึง เกิดเป็นรอยย่น ริ้วรอยใต้ตา สาเหตุนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อชะลอความเสื่อมวัยของผิวแทนได้ค่ะ
ฉีดโบท็อกซ์ใต้ตาลดริ้วรอยใต้ตาได้หรือไม่
คำตอบคือ สามารถฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยใต้ตาได้ค่ะ แต่ทั้งนี้ต้องดูก่อนว่าปัญหาริ้วรอยใต้ตาที่เรามีนั้นเป็นแบบไหน เพราะไม่ใช่ริ้วรอยทุกแบบที่ฉีดโบท็อกซ์ใต้ตาแล้วจะดีขึ้น

ซึ่งริ้วรอยใต้ตาส่วนใหญ่แล้วนั้น จะเป็นริ้วรอยถาวร (Static wrinkles) ดังนั้นการแก้ไขด้วยโบท็อกซ์จะยังไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด อาจจะต้องทำเลเซอร์ยกกระชับใต้ตา เช่น Thermage, Ulthera, เลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว รวมถึงการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเหมาะสมกว่า แต่การฉีดโบท็อกซ์ใต้ตานั้นจะเหมาะกับการฉีดเพื่อลดริ้วรอยใต้ตาที่เป็นเส้นเล็กๆ ตื้นๆ ที่เห็นตอนยิ้มหรือแสดงสีหน้า (Dynamics wrinkles) การฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตาจะสามารถช่วยได้ค่ะ แต่ทั้งนี้ต้องฉีดในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ โดยแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อประเมินถึงปัญหาริ้วรอยใต้ตา ว่าควรแก้ไขอย่างไรเพื่อการรักษาที่ตรงจุด
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตา ?

ปัญหาหลังฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตา สามารถเกิดขึ้นได้ค่ะ เนื่องจากในบางคนอาจมีข้อจำกัดในการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตา หรือฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งจะทำให้อาจเกิดปัญหาตามมาได้ดังนี้
-
ใต้ตาหย่อนลงมา ถุงใต้ตาดูใหญ่ขึ้น สามารถเกิดได้จาก 2 สาเหตุ
- เกิดได้ในเคสที่มีถุงใต้ตาอยู่แล้วเป็นทุนเดิม การมีถุงใต้ตาเป็นตัวบอกว่า โครงสร้างที่พยุงใต้ตามีความไม่แข็งแรงอยู่แล้ว ซึ่งหนึ่งในโครงสร้างที่พยุงใต้ตาอยู่นั้นก็คือ กล้ามเนื้อรอบดวงตา ถ้าฉีดโบท็อกซ์เข้าไป กล้ามเนื้อก็จะยิ่งคลาย ทำให้ถุงใต้ตาดูใหญ่ขึ้นไปอีก
- การฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในปริมาณที่มากจนเกินไป ซึ่งปกติแล้วบริเวณนี้ต้องใช้ในปริมาณที่น้อย หากใช้มากไปจะทำให้ใต้ตาดูหย่อนลงมาได้ และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนไม่ว่าจะมีอายุน้อยหรือมาก

-
ฟิลเลอร์อาจจะดูปูดหรือดูเป็นก้อนขึ้นมาได้
ปัญหานี้จะเกิดในผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาในปริมาณมากและดูเต็ม ถ้าฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตาไปจะทำให้โครงสร้างที่พยุงในส่วนนั้นอ่อนแรงลง ซึ่งถ้าเกิดฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในปริมาณมาก
-
ตาแข็ง ดูไม่เป็นธรรมชาติ
ปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้หากฉีดโดยใช้โบท็อกซ์ในปริมาณที่มากจนเกินไป ซึ่งจะเกิดได้ฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ คำนวณปริมาณโบท็อกซ์ที่ควรใช้ไม่เหมาะสม
โบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตา กี่วันเห็นผล ?
หลังฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตาจะเริ่มเห็นผลประมาณ 3-5 วันหลังทำ และจะเห็นผลเต็มที่ 2 สัปดาห์หลังทำ ซึ่งจะสังเกตได้ว่าริ้วรอยเล็กๆ ตื้นๆ ใต้ตาค่อยๆ จางลง ตื้นขึ้น บริเวณรอบดวงตาดูสดใสขึ้น
ฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตา อยู่ได้นานไหม ?
การฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตาจะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน โดยจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ใช้ และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล ถ้าเป็นคนที่ต้องมีการแสดงสีหน้าอารมณ์บ่อยก็จะทำให้โบท็อกซ์ก็อาจจะอยู่ได้ไม่นานเท่าที่ควรค่ะ โดยสามารถอ่านข้อควรปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกซ์ควรทำอย่างไรให้อยู่ได้นานที่ หลังฉีดโบท็อกซ์ ห้ามกินอะไร และห้ามทำอะไร
ข้อควรระวังในการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตา

การฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตาต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ปัญหาที่เกิดมาส่วนใหญ่จะเกิดจากการฉีดในปริมาณมากไป และผู้ที่ได้รับการฉีดโบท็อกซ์ไม่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์ใต้ตา ดังนั้นข้อควรระวังในการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตาคือ ต้องใช้โบท็อกซ์ในปริมาณที่น้อย และได้รับการประเมินจากแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ สามารถประเมินถึงปัญหาริ้วรอยใต้ตาของเราว่าควรแก้ไขด้วยวิธีไหนจะเหมาะสมที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
สรุป
การฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตาถือได้ว่าเป็นวิธีที่จะช่วยลดริ้วรอยได้ค่อนข้างไวและเห็นผลเร็วกว่าวิธีอื่น อย่างเช่นการทาครีม แต่ทั้งนี้จะเหมาะกับริ้วรอยใต้ตาเส้นตื้นๆ หรือริ้วรอยที่เห็นเวลายิ้ม ถ้าเป็นริ้วรอยร่องลึก หรือเป็นถุงใต้ตา แนะนำให้ใช้วิธีอื่น อย่างการเติมฟิลเลอร์จะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดมากกว่าค่ะ นอกจากนี้การฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตาต้องใช้ความระมัดระวังในการฉีดเป็นอย่างมาก และต้องใช้ปริมาณโบท็อกซ์ที่น้อย ใครที่กำลังสนใจ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทำหัตถการเพื่อความปลอดภัยได้รับการรักษาที่ตรงกับปัญหาริ้วรอยใต้ตาของเราค่ะ
