หลายคนเคยถามหมอเข้ามากันว่า ทำไมฉีดโบแล้วไม่ค่อยเห็นผล? ฉีดแล้วอยู่ได้ไม่นาน? ซึ่งต้องบอกก่อนว่าโบท็อกซ์ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ถาวร เพราะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ แต่จะสลายไปเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ยี่ห้อ ตำแหน่งที่ฉีด และการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ก็เป็นส่วนสำคัญด้วยเช่นกัน โดยหมอจะมาแนะนำว่าหลังฉีดโบท็อกซ์ควรดูแลตัวเองอย่างไรให้ออกมาสวยปังและอยู่กับเราไปได้นานที่สุด
หลังฉีดโบท็อกซ์มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไร ?
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์เพื่อให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ มีวิธีปฏิบัติดังต่อไปนี้

- งดการกด นวด ถูบริเวณที่ฉีด เพราะจะส่งผลต่อการกระจายตัวของตัวยาไปกล้ามเนื้ออื่นที่ไม่ต้องการได้
- งดนอนราบ นอนตะแคง หรือนอนหัวต่ำ 3-4 ชั่วโมงหลังฉีดโบท็อกซ์ เนื่องจากส่งผลโดยตรงต่อการกระจายตัวของโบท็อกซ์
- หลังฉีดโบท็อกซ์ควรบริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด เช่น เคี้ยวหมากฝรั่งหลังฉีดโบท็อกซ์กรามประมาณ 30 นาที เพื่อช่วยให้โบท็อกซ์กระจายตัวได้ดีขึ้น
- สามารถล้างหน้า ทาครีมบำรุงได้ตามปกติ
- งดการแต่งหน้าหลังฉีดโบท็อกซ์ภายในวันที่ฉีด การสัมผัสบริเวณใบหน้าส่งผลเช่นเดียวกับการกดนวดผิว ที่ทำให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ไม่ดีเท่าที่ควร
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัดๆ ในช่วงแรก เนื่องจากความร้อนจากแดดทำให้โบท็อกซ์สลายเร็วขึ้น และอาจทำให้เกิดการะคายเคืองผิว หากต้องสัมผัสกับแสงแดด ควรทาครีมกันแดดที่มีการป้องกันเพียงพออยู่เสมอ
- งดการออกกำลังกายอย่างหนัก 24 ชั่วโมงหลังฉีด เนื่องจากมีผลทำให้กล้ามเนื้อบีบรัด อาจทำให้โบท็อกซ์กระจายตัวสู่บริเวณอื่นที่ไม่ต้องการได้ แนะนำให้ออกกำลังกายเบาๆ แทนก่อนค่ะ
- งดการสูบบุหรี่เพราะจะทำให้โบท็อกซ์สลายได้ไวกว่าปกติ
- หลีกเลี่ยงการโดนความร้อน เช่น ใช้น้ำอุ่นล้างหน้า การอบไอน้ำ ซาวน่า ทรีทเม้นท์ หรือเลเซอร์หลังฉีด 2-4 สัปดาห์
- รับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี (Zinc) เช่น เนื้อสัตว์ อาหารทะเล แต่ทั้งนี้ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ
- ควรพบแพทย์ตามนัดในกรณีที่มีการติดตามผล
หลังฉีดโบท็อกซ์ห้ามกินอะไรบ้าง ?

- เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า ไวน์ เบียร์ แอลกอฮอล์ทำให้เลือดสูบฉีด อาจเพิ่มโอกาสเกิดรอยช้ำหรือบวม หากเป็นไปได้ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้ง 1 วันก่อนเข้ารับหัตถการ และ 1 วันหลังจากฉีดโบท็อกซ์
- ชาบู หมูกระทะ สิ่งที่รับประทานแล้วต้องโดนไอความร้อน ความร้อนอาจทำให้โบท็อกซ์สลายเร็วขึ้น หรือออกฤทธิ์ผิดตำแหน่ง
- อาหารหมักดอง โซเดียมในอาหารหมักดองอาจส่งผลให้เกิดการบวมบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ อาหารหมักดองบางประเภทยังใส่สารกันบูดและมีกรดสูงเสี่ยงต่อการเกิดการอักเสบ
- อาหารที่มีรสเผ็ดจัด อาจทำให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้เกิดการบวมหรืออักเสบ
- ยา หรืออาหารเสริมบางชนิด เช่นวิตามินอี, กิงโกะ, โอเมก้า 3 เนื่องจากมีผลต้านการแข็งตัวของเลือด อาจทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่าย รวมไปถึงยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ แอสไพริน หรือ Ibuprofen ที่ทำให้เสี่ยงเลือดออกใต้ผิวหนัง
โดยสิ่งเหล่านี้ควรงดอย่างน้อยประมาณ 2 อาทิตย์ เพราะจะทำให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้โบท็อกซ์ที่ฉีดสลายไปได้เร็ว รวมถึงในกรณีที่หลังฉีดโบท็อกซ์กรามควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีความแข็งและเหนียวเคี้ยวได้ยากด้วยค่ะ
อาการที่อาจเกิดขึ้นได้หลังฉีดโบท็อกซ์

- รู้สึกตึง เป็นอาการตามปกติที่กล้ามเนื้อเริ่มตอบสนองต่อโบท็อกซ์
- มีรอยช้ำ หรือเกิดอาการบวม แดง จากการใช้เข็มฉีดโบท็อกซ์ บรรเทาได้ด้วยการทายาลดรอยเขียวช้ำ
- ปวดศีรษะ เกิดจากกล้ามเนื้อหน้าผาก-ระหว่างคิ้วตึง จากตัวโบท็อกซ์
โดยที่อาการเหล่านี้สามารถหายเป็นปกติได้เมื่อเวลาผ่านไป 7-14 วัน หรือเร็วกว่านั้น แต่หากพบว่าเกิดความผิดปกติขึ้นหลังการฉีดโบท็อกซ์ เช่นอาการข้างเคียงไม่ทุเลาลง หรือเกิดอาการแทรกซ้อน แนะนำพบแพทย์เพื่อรับการรักษาค่ะ
หากเกิดผลข้างเคียงหลังฉีดโบท็อกซ์ควรทำอย่างไร
อาการข้างเคียงหลังการฉีดโบท็อกซ์ที่ไม่ร้ายแรงเช่น บวม ช้ำ เกิดรอยแดง รู้สึกตึงบริเวณใบหน้า สามารถหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ สามารถดูแลด้วยตัวเองโดยการประคบเย็น พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการกดนวด หรือกิจกรรมที่ส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์ แต่หากพบว่าอาการเหล่านั้นไม่บรรเทาลง หรือพบอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปากเบี้ยว หนังตาตก เกิดความผิดปกติบนใบหน้าหลังเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์ หรือเกิดอาการแพ้ แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาทันทีที่พบความผิดปกติ
สรุป
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ โดยหมออยากให้คนไข้ที่ฉีดโบท็อกซ์ไปแล้วปฏิบัติตามวิธีดูแลตัวเองข้างต้นและหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่ควรทำหลังฉีดโบท็อกซ์ เพื่อให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่และอยู่กับเราไปได้นานค่ะ
