ปัจจุบันมีโบท็อกซ์เข้ามาให้เลือกหลากหลายยี่ห้อด้วยกัน จนเกิดคำถามว่า แล้วควรฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี ยี่ห้อไหนที่จะเหมาะกับปัญหาและความต้องการของเราที่สุด เพราะแต่ละยี่ห้อก็มีคุณสมบัติและความพิเศษที่ต่างกัน โดยโบท็อกซ์ที่หมอแนะนำจะเป็นยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ได้การรับรองมาตรฐานจากอย.ไทย ซึ่งตอนนี้ ปี 2022 มีทั้งหมด 8 ยี่ห้อด้วยกัน แล้วยี่ห้อไหนจะตรงความต้องการของเรามาดูกันเลยค่ะ
ในคลิปวิดีโอข้างต้นยังเป็นโบท็อกซ์ที่ผ่านอย.ไทย ของปี 2021 อยู่ ซึ่งในปัจจุบันไม่มีโบท็อกยี่ห้อ Botulax แล้วค่ะ จะเหลือเพียง 8 ยี่ห้อที่ผ่านอย.ไทยเท่านั้น เดี๋ยวหมอจะรีบมาอัปเดตคลิปใหม่ให้รับชมนะคะ
โบท็อกซ์ที่ผ่าน อย. มีกี่ยี่ห้อ ?
โบท็อกซ์มีหลายยี่ห้อจากหลากหลายประเทศ โดยยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากอย.ไทยในปัจจุบันมีทั้งหมดมีโบท็อกซ์ 8 ยี่ห้อด้วยกัน คือ Allergan, Dysport, Xeomin, BTXA, Nabota, Aestox, Hugel และ Clodew ค่ะ
โดยสิ่งที่ควรระมัดระวังคือโบท็อกซ์ที่ไม่ผ่านอย. และโบท็อกซ์ที่ลอกเลียนแบบแบรนด์ที่ผ่านอย. ขึ้นมา ดังนั้น หากเราเลือกฉีดโบท็อกซ์ ควรเลือกฉีดกับสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน สามารถตรวจสอบโบท็อกซ์ได้ว่าเป็นของแท้ โดยสามารถอ่านวิธีเลือกสถานที่ฉีดคลินิกเพิ่มเติมได้ที่ ฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี
โบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร ?
Allergan botox
เมื่อพูดถึงยี่ห้อโบท็อกซ์จะขาดตัวนี้ไปไม่ได้เลยค่ะ เป็นโบท็อกซ์อเมริกาได้รับความนิยมจากทั่วโลก และเป็นต้นแบบของโบท็อกซ์อีกหลายๆ ตัว เพราะเป็นยี่ห้อแรกที่คิดค้นตัว Botulinum Toxin และได้รับการรับรองจาก อย. อเมริกา (US FDA) แต่ทั้งนี้ราคาอาจจะสูงกว่าโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่นๆ อยู่บ้างค่ะ
Allergan Botox ตัวยามีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5% จึงเหมาะสำหรับฉีดแก้ปัญหาริ้วรอยต่างๆ และปรับรูปหน้าเรียว เนื่องจากตัวยาเมื่อฉีดไปแล้วจะไม่กระจายเป็นวงกว้าง pออกฤทธิ์ตรงจุด ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ อยู่ได้นานกว่าโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่นๆ อยู่ที่ประมาณ 6-8 เดือน แต่ในกรณีใช้ตัว Allergan ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ จะต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เพราะอาจจะเกิดคิ้วกระดก ยิ้มแข็ง และแก้มตอบได้ในบางราย
Dysport
สิ่งที่แตกต่างจากโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่นๆ ของ Dysport คือ มีหน่วยในการฉีดที่เรียกว่า Speywood units (S.U) โดย Dysport 2.5 S.U. จะเท่ากับ 1 I.U. ของโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่นๆ
ตัวยาโบท็อกซ์ Dysport เป็นโบท็อกซ์จากอังกฤษมีโมเลกุลเล็กทำให้กระจายตัวยาการกระจายตัวยาเป็นวงกว้าง เหมาะกับการฉีดเพื่อยกกระชับหน้าโดยใช้เทคนิค ABO Lifting และสำหรับคนที่ต้องการลดริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงสามารถนำมาใช้ฉีดลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว ลดต้นแขน ลดน่อง อยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน
Xeomin
เป็นโบท็อกซ์เยอรมัน จุดเด่นของโบท็อกซ์ยี่ห้อนี้คือ ไม่มีการปนเปื้อนของคอมเพล็กซิ่งโปรตีน (Pure toxin) ทำให้เหลือแต่ Botulinum Toxin A มีความบริสุทธิ์ 100% ฉีดแล้วจึงดูเป็นธรรมชาติ
ด้วยการกระจายตัวของยาอยู่ในขั้นปานกลาง จึงเหมาะกับการฉีดลดริ้วรอย รวมถึงยกกระชับกรอบหน้า และยังเหมาะสำหรับใช้ในเคสที่มีอาการดื้อยาที่หยุดการฉีดไปแล้ว 2-3 ปี และ โบท็อกซ์ Xeomin ยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอาการดื้อยาในอนาคตได้ด้วยค่ะ โดยตัวนี้จะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน
Aestox (โบท็อกซ์เกาหลี)
เป็นโบท็อกซ์เกาหลีได้การรับรองมาตรฐานจาก อย.เกาหลี (KFDA) ตัวยามีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% จุดเด่นของตัว Aestox คือ ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นธรรมชาติเมื่อเปรียบเทียบในกลุ่มโบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี เมื่อเราฉีดอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ผลลัพธ์การฉีดครั้งต่อไปอยู่ได้ยาวนานมากขึ้นและปริมาณการฉีดก็ลดน้อยลง
โบท็อกซ์ยี่ห้อ Aestox จะเหมาะสำหรับการปรับรูปหน้าได้ดี อยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ใครที่ไม่ชอบตึงมากและเน้นความเป็นธรรมชาติในราคาเข้าถึงได้แนะนำตัวนี้ค่ะ
Nabota
เป็นโบท็อกซ์เกาหลียี่ห้อเดียวที่ได้รับรองมาตรฐานจาก อย.อเมริกา (US FDA) มีเทคนิคการผลิตที่เฉพาะตัว และมีค่าความบริสุทธิ์ของตัวยาอยู่ที่ 98.7%
Nabota botox เป็นยี่ห้อที่ฮิตมากในไทย ด้วยความที่ให้ผลลัพธ์เร็ว ตัวยาออกฤทธิ์ไว กรามและริ้วรอยลดลงได้ไว สามารถอยู่ได้ได้นานประมาณ 4-6 เดือน เรียกได้ว่าเป็นโบท็อกซ์ที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับโบท็อกซ์อเมริกาในราคาที่จับต้องได้
Hugel
เป็นโบท็อกซ์เกาหลีได้รับการรับรองจาก อย.เกาหลี มีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% เน้นในเรื่องของการเห็นผลไว เหมาะกับการฉีดเพื่อลดริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า แต่ข้อเสียคืออยู่ได้ไม่นานถ้าเทียบกับโบท็อกซ์เกาหลีตัวอื่นๆ โดยจะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน
BTXA
เป็นโบท็อกซ์ฮ่องกงตัวยามีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% มีจุดเด่นในเรื่องของการลดกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น น่องขา ใต้รักแร้ และใช้ลดขนาดกรามปรับรูปหน้าเรียว ทั้งยังสามารถนำมาใช้เพื่อลดริ้วรอยได้ เห็นผลลัพธ์ไวและเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน
Clodew
เป็นโบท็อกซ์เกาหลีได้รับการรับรองจาก อย. อเมริกา (US FDA) ตัวยามีความบริสุทธิ์ 99.5% มีเทคโนโลยีการผลิตเฉพาะ Hi pure technology ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้เป็นธรรมชาติ เด่นในเรื่องของการใช้ยกกระชับหน้าโดยใช้เทคนิคเฉพาะคือ Double V Lifting เห็นผลทันที ดูเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน
โบท็อกซ์หิ้วจากต่างประเทศคืออะไร ดีไหม ?
โบท็อกซ์หิ้ว คือ โบท็อกซ์ที่มีวิธีการนำเข้าที่ไม่ถูกกฎหมาย ถึงเรียกกันว่าโบท็อกซ์หิ้ว เพราะแอบหิ้ว แอบลักลอบเข้ามานั่นเอง ข้อดีอย่างเดียวของโบท็อกซ์หิ้วเลยคือ มีราคาที่ถูกมากกว่าปกติ
แต่ความน่ากลัวของโบท็อกซ์หิ้วอยู่ที่เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าโบท็อกซ์นั้นเป็นของแท้หรือของปลอมที่นำมาแอบอ้างว่าเป็นของแท้ อีกทั้งมีขั้นตอนการเก็บรักษาอย่างไรก็ไม่อาจรู้ได้
ถ้ามีขั้นตอนการเก็บที่ไม่ได้มาตรฐาน จะทำให้ประสิทธิภาพของตัวยาลดลง จนอาจไปถึงขั้นมีการปนเปื้อนจากแบคทีเรีย เมื่อเราฉีดไปอาจทำให้เกิดอาการดื้อยา ฉีดแล้วไม่เห็นผล หรือเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ แน่นอนว่าผลที่ตามมาไม่คุ้มเลยค่ะ
อ่านเพิ่มเติม : โบท็อกซ์อันตรายไหม
ฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดีที่สุด ?
โบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ยี่ห้อไหนดีที่สุดจะขึ้นอยู่กับปัญหาและความต้องการของคนไข้ค่ะ แต่ละยี่ห้อจะมีคุณสมบัติและความพิเศษที่แตกต่างกัน ราคาโบท็อกซ์ก็ต่างกันไป
อย่างโบท็อกซ์เกาหลีกับอเมริกาก็มีความแตกต่างกัน โบท็อกซ์เกาหลีอาจจะดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าของอเมริกา จึงนิยมนำมาฉีดโบท็อกซ์กรามมากกว่าฉีดลดริ้วรอย แต่สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับความชอบและความต้องการของแต่ละคนด้วยค่ะ
ถ้าอยากลิฟกรอบหน้า ชอบแบบดูเป็นธรรมชาติแนะนำยี่ห้อ Dysport ถ้าอยากฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย แล้วอยากให้ดูเป็นธรรมชาติแนะนำตัว Allergan หรือการฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อ Aestox จะดูเป็นธรรมชาติกว่า Nabota แต่ถ้าเราชอบแบบตึงๆ Nabota ก็จะตรงใจเรามากกว่าค่ะ
โดยหมอขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์ปัญหาและรูปหน้าเพื่อที่จะได้แนะนำโบท็อกซ์ที่เหมาะสมกับเราก่อนค่ะ
สรุป
ปัจจุบันมีโบท็อกซ์ทั้งหมด 8 ยี่ห้อที่ผ่านอย.ไทยด้วยกัน การศึกษาข้อมูลว่าโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไรเป็นสิ่งที่อยากให้ทุกคนทำก่อนฉีดโบท็อกซ์ เพราะแต่ละยี่ห้อจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ซึ่งฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดีที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของเรารวมถึงปัญหาที่ต้องการแก้ไข แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ก่อนการทำหัตถการทุกครั้งค่ะ