ไหม i-thread คืออะไร
ไหม i-thread เป็นไหมจากประเทศเกาหลีใต้ มีหลากหลายรุ่น ใช้สำหรับการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย และ กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ผลิตจากวัสดุ Polydioxanone (PDO) ซึ่งเป็นวัสดุที่นิยมใช้เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง สามารถสลายได้เองไม่ตกค้างในร่างกาย ส่งผลให้เกิดอาการแพ้ในอัตราที่ต่ำ
มีใช้กันแพร่หลายในหลากหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงได้รับการรับรองมาตรฐานจากประเทศบลาซิล, ยุโรป, ออสเตรเลีย, เปรู, ซาอุดิอาราเบีย และ ประเทศไทย สำหรับในประเทศไทยมีการนำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างถูกต้องโดยบริษัท Rich Aesthetic
ไหม i-thread มีกี่แบบ
ไหม i-thread ที่มีใช้ในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 4 แบบ
-
Sculpt
-
สำหรับยกกระชับใบหน้าบริเวณ กระเปาะแก้ม ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
-
ลักษณะเงี่ยงไหมเป็นแบบหล่อ เงี่ยงแบบ 2 ทิศทาง (Bidirectional barb)
-
ปลายเข็มไหมเป็นปลายทู่แบบ L-type เข็มเบอร์ 19G
-
Volume
-
สำหรับใช้ร้อยบริเวณใต้ตาเพื่อเติมเต็ม
-
ลักษณะเป็นไหมเส้นเรียบ และมีไหม 10เส้น อยู่ใน 1เข็ม
-
ลักษณะเข็มปลายทู่ เบอร์ 23G
-
Matrix
-
เป็นไหมที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มแทนการฉีด filler
-
เหมาะสำหรับแก้ไขร่องแก้ม ร่องริ้วรอยถาวร เช่น บริเวณหน้าผาก และ ร่องระหว่างคิ้ว
-
ลักษณะเป็นไหมเส้นเรียบจำนวน 16เส้น สานกันเป็นตาข่าย อยู่ในเข็มเดียว
-
ลักษณะเข็มปลายทู่ เบอร์ 21G
-
Magic Plus
-
สำหรับยกกระชับบริเวณคิ้ว และ เหนียง
-
ลักษณะเป็นไหมเงี่ยงเส้นยาว ขนาดใหญ่ ปลายเข็มแหลมสองข้าง
-
ลักษณะเข็มปลายแหลม เบอร์ 21G
จุดเด่นของการร้อยไหม i-thread
สำหรับการร้อยไหม i-thread มีจุดเด่นหลากหลาย ดังนี้
- เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการร้อยไหม ในเรื่องของการยกกระชับและเติมเต็มตามชนิดของไหม
- ไหมรุ่น Matrix และ Volume เป็นจุดเด่นของแบรนด์ที่นำมาใช้ร้อยสำหรับการเติมเต็มแทนการใช้ฟิลเลอร์ ในผู้ที่ไม่อยากเติม filler
- เส้นไหมและเข็มขนาดไม่ใหญ่มาก ทำให้เกิดแผลใต้ผิวน้อย หลังทำใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน
- วัสดุทำจาก PDO สามารถสลายได้เอง ไม่ตกค้าง
- มีเทคนิคการใช้ i-thread code เพื่อให้แพทย์ผู้ทำการร้อยไหมที่ไม่ได้มีประสบการณ์มาก สามารถใช้ไหมได้อย่างง่ายดาย
ผลลัพธ์ของไหม i-thread อยู่ได้นานเท่าไร
หลังการร้อยไหม i-thread รุ่น sculpt และ magic plus จะเห็นผลลัพธ์เรื่องของการยกกระชับทันทีหลังร้อยไหมเสร็จ และจะชัดเจนที่สุด 1เดือน เนื่องจากมีการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวเกิดขึ้นหลังการร้อยไหม และผลลัพธ์จะอยู่ได้ยาวนาน 1ปี
สำหรับไหมชนิด Matrix และ Volume ที่ใช้ร้อยสำหรับหรับวัตถุประสงค์การเติมเต็ม ลดริ้วรอยร่องลึกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รวมไปถึงริ้วรอยถาวรบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว จะสามารถเห็นผลลัพธ์ว่าร่องดูตื้นขึ้นหลังการร้อยไหมทันที แต่จะเต็มที่เมื่อมีการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวขึ้นมาตามแนวเส้นไหม ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 4 – 12 สัปดาห์ ในเรื่องของการคงสภาพอยู่ได้ยาวนาน 6 – 12 เดือน
ฉีดฟิลเลอร์ หรือ ร้อยไหม i-thread ดีกว่ากัน
ไหม i-thread รุ่น Matrix และ Volume เป็นรุ่นพิเศษสำหรับร้อยเพื่อเติมเต็มบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ร่องถาวรบริเวณหน้าผาก และรอยย่นระหว่างคิ้ว ในการร้อยเพื่อเติมเต็มแต่ละบริเวณปกติแนะนำให้ใช้เส้นไหมประมาณ 4 – 5 เส้น ขึ้นไป โดยผลจากการเติมเต็มจะมาจากวอลลุ่มของตัวไหม ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์เลยหลังทำ และ ผลจากคอลลาเจนที่เกิดรอบเส้นไหมซึ่งจะเห็นว่าริ้วรอยดูเรียบขึ้นประมาณ 4 – 12 สัปดาห์ หลังการร้อยไหม
สำหรับความเห็นส่วนตัวของหมอ การร้อยไหมตัวนี้ข้อดีคือ ในบางบริเวณอย่างร่องริ้วรอยหน้าผาก และ บริเวณระหว่างคิ้ว เป็นจุดที่เสี่ยงต่อการเข้าเส้นเลือดที่ทำให้เกิดตาบอดได้ หากใช้ฟิลเลอร์ในการเติมเต็ม และสำหรับผู้ที่แพ้ฟิลเลอร์ก็สามารถเลือกใช้ไหมได้
แต่หากเป็นความลึกในบริเวณกว้างอย่างร่องแก้ม ผลลัพธ์ที่ได้จากไหมจะไม่ได้ดูเต็มเท่าการฉีดฟิลเลอร์ และหากร่องลึกมาก ยิ่งต้องใช้ไหมจำนวนหลายเส้น อย่าลืมว่าการร้อยไหมเกิดพังผืดใต้ผิว ถ้าร้อยมากเกินไปผิวบริเวณนั้นจะดูแข็งไม่เป็นธรรมชาติได้ค่ะ
สรุป
ไหม i-thread เป็นไหมตัวนึงที่มีความน่าสนใจ สามารถให้ผลลัพธ์ในเรื่องของการยกกระชับ และ การเติมเต็มแทนการใช้ฟิลเลอร์ ตัวไหมทำจากวัสดุ PDO มีความปลอดภัย โอกาสแพ้น้อย สามารถสลายได้เอง เป็นแบรนด์ที่มีใช้ในหลากหลายประเทศไม่ใช่แค่ในประเทศไทย เส้นไหมมีขนาดที่พอเหมาะไม่ใหญ่มากทำให้หลังทำเจ็บน้อยและไม่ต้องพักฟื้นนาน