หน้าผากเป็นอีกบริเวณที่นิยมฉีดฟิลเลอร์รองลงมาจากบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม และแก้ม เป็นบริเวณที่มีความสำคัญในแง่ยุทธศาสตร์โหงวเฮ้งและความสวยงามจุดใหญ่จุดหนึ่ง เนื่องจากมีบริเวณที่กว้างและสามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัด และมีผลต่อรูปหน้ามาก ๆ
อ่านข้อมูลเกี่ยวกับ : ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากราคาเท่าไร ฉีดยี่ห้อไหนดี
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากดีไหม ช่วยแก้ไขปัญหาอะไรได้บ้าง
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากคือการฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปบริเวณหน้าผาก เพื่อเติมเต็มหน้าผากให้ได้รูปสวยงามตามลักษณะนิยมและโหงวเฮ้งที่ดี โดยลักษณะหน้าผากที่มีโหงวเฮ้งดี จะต้องสูงนูนใส ไม่บุบ ไม่บุ๋มหรือเป็นแอ่ง ไร้ริ้วรอยและแผลเป็น ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากมีข้อดีคือเห็นผลลัพธ์ได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้นและดูแลแผลนานเหมือนการผ่าตัด อีกทั้งยังสามารถปรับความนูนได้โดยไม่ต้องผ่าตัดใหม่ ด้วยการเติมหรือฉีดสลายฟิลเลอร์ ถ้ารู้สึกว่านูนเยอะเกินไปหรือไม่ชอบทรงค่ะ

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากช่วยแก้ปัญหาดังนี้
- แก้ปัญหาหน้าผากเป็นแอ่งยุบลงไปบริเวณเหนือคิ้ว ซึ่งทำให้ดูเหมือนลักษณะใบหน้าผู้ชาย ไม่สวยอ่อนหวานละมุน
- แก้ปัญหาหน้าผากแบน แคบ เพื่อเพิ่มความสวยงามตามความชอบ หรือเพื่อเสริมโหงวเฮ้งในด้านการงานและคู่ครอง
- แก้ไขปัญหาหน้าผากเป็นคลื่น และริ้วรอยต่าง ๆ เพิ่มความเต่งตึง เรียบเนียนและชุ่มชื้น ทำให้หน้าผากเงาใสสวยดูสุขภาพดีมีออร่า
- ปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน หน้าดูมีมิติ
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเหมาะกับใคร
ฟิลเลอร์หน้าผากเหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาริ้วรอยหน้าผากและรูปทรงบริเวณหน้าผากดังที่กล่าวไปข้างต้นเพื่อเพิ่มความสวยงามตามความพึงพอใจและปรับโหงวเฮ้งให้มีโชคลาภ วาสนา แต่ไม่ต้องการผ่าตัดเนื่องจากต้องใช้เวลาพักฟื้นนานและเจ็บตัว ไม่ต้องการมีแผลเป็นจากการผ่าตัด ต้องการเห็นผลลัพธ์เร็วและสามารถปรับแต่งเพิ่มขนาดความนูนและรูปทรงต่าง ๆ ได้ตลอดเวลาตามใจชอบ
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากกี่ cc

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากกี่ cc นั้นขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด หากต้องการแก้ไขบริเวณเหนือคิ้วที่ยุบตัวเนื่องจากอายุเพิ่มขึ้น ไม่ได้ต้องการความโหนกนูน หมอจะแนะนำให้ใช้ 1-2 cc หากต้องการให้หน้าผากโหนกนูนเสริมโหงวเฮ้ง จะใช้ประมาณ 3-10 cc แต่หมอแนะนำให้ฉีด 3-5 cc ก่อนแล้วค่อย ๆ เติมนะคะ หากไม่พอใจในผลลัพธ์ก็สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ค่ะ เพราะถ้าฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผากเกิน 5 cc ในแต่ละครั้ง อาจเกิดการกดทับเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดอาการบวมรอบดวงตาได้ แม้จะหายเอง 14 วัน แต่ก็กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันในช่วงนั้นได้
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอันตรายไหม
ฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็ม HA สามารถสลายไปตามธรรมชาติได้ แต่ฟิลเลอร์หน้าผากเป็นจุดที่เชื่อมต่อกับขมับ และมีเส้นเลือดเชื่อมกับดวงตาเยอะ ทั้งยังต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากกว่าจุดอื่นในบริเวณใบหน้า จึงมีโอกาสที่ฟิลเลอร์จะเข้าไปอุดตันในเส้นเลือดทำให้เนื้อตายหรือตาบอด เนื่องจากไม่มีเลือดมาเลี้ยงผิวหนังบริเวณนั้น ควรฉีดฟิลเลอร์กับคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อป้องกันความผิดพลาดและสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันเมื่อเกิดเหตุสุดวิสัย โดยหมอจะฉีดยาสลายฟิลเลอร์ให้ผิวกลับมาเป็นปกติดังเดิม แต่หากฉีดฟิลเลอร์หน้าผากกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์ปลอมเพื่อลดต้นทุน จะไม่สามารถใช้ยาสลายฟิลเลอร์ได้ ต้องแก้ไขด้วยการขูดออกเท่านั้น ดังนั้นจึงควรเลือกฉีดฟิลเลอร์หน้าผากกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือเท่านั้นนะคะ อ่านบทความ ฟิลเลอร์อันตรายไหม ผลข้างเคียงที่อาจพบได้
ฟิลเลอร์หน้าผาก vs ศัลยกรรมหน้าผาก
การแก้ไขปัญหาหน้าผากไม่สวยได้รูปอีกวิธีหนึ่งคือการผ่าตัดศัลยกรรมหน้าผาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าผากแบนมาก ๆ เมื่อเสริมด้วยซิลิโคนแล้วจะดูพอดี ทำครั้งเดียวจบและได้ผลลัพธ์ถาวร แต่ไม่เหมาะกับคนที่มีผิวบางเพราะจะทำให้เห็นขอบซิลิโคน
ข้อเสียคือหากผ่าตัดโดยใช้เทคนิคที่ไม่ดี หรือเลือกขนาดซิลิโคนที่ไม่รับกับใบหน้าของตัวเอง จะทำให้หน้าผากดูลอย ปลอม ไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อต้องการแก้ไขจะต้องผ่าตัดใหม่เท่านั้น
จุดเสี่ยงคือหมอจะต้องเลาะเนื้อเยื่อบริเวณหน้าผากก่อนใส่ซิลิโคน จึงควรเลือกผ่าตัดแพทย์โดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

ในขณะที่การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากนั้นไม่จำเป็นต้องพักฟื้นนาน สามารถปรับแต่งเฉพาะจุด และเพิ่มลดความนูนได้ตามใจชอบ ข้อเสียคืออาจจะไม่ได้อยู่ได้ตลอดชีวิตต้องคอยเติมทุก 8-12 เดือน แล้วแต่ร่างกายแต่บุคคล จุดเสี่ยงคืออาจเกิดฟิลเลอร์อุดตันซึ่งสามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้
ฟิลเลอร์หน้าผาก vs ศัลยกรรมหน้าผาก
ฟิลเลอร์หน้าผาก |
ศัลยกรรมหน้าผาก |
บวมช้ำน้อย ไม่ต้องดูแลมาก | บวมช้ำมาก ใช้เวลาพักฟื้นนาน |
มีรอยเข็ม สามารถหายเองได้ภายใน 1-2 วัน | มีรอยแผลเป็นที่โคนผม ต้องดูแลแผลเป็นอย่างดี |
อยู่ได้ประมาณ 12 เดือนขึ้นไป เพราะสลายเองได้ตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย | ผลลัพธ์ถาวร ปรับเปลี่ยนไม่ได้ นอกเสียจากว่าจะผ่าตัดใหม่ |
ปรับแต่งได้เรื่อย ๆ ตามปัญหาของช่วงอายุ | อาจเกิดรอยขอบซิลิโคน ในเคสที่ผิวบางหรือผิวเหี่ยวตามอายุที่มากขึ้น |
เหมาะกับทุกรูปหน้า | เหมาะกับคนที่หน้าผากแบนมาก ๆ |
มีความเป็นธรรมชาติมากกว่า | มีโอกาสหน้าผากดูลอย ปลอมได้มากกว่า โดยเฉพาะหากแพทย์ที่ผ่าตัดใช้เทคนิคไม่ดี |
ข้อควรปฏิบัติก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ร่วมกับบริเวณที่ต้องการฉีด
- เลือกคลินิคและแพทย์ที่น่าไว้ใจและได้มาตรฐาน
- งดดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วันก่อนฉีด
- งดยาแอสไพริน และกลุ่มยาต้านการอักเสบ NSAIDS 2 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อป้องกันการฟกช้ำ
- งดวิตามินที่ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี เป็นต้น
- ควรทำความสะอาดใบหน้าหรือบริเวณที่ฉีดก่อนพบแพทย์

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้า นอนตะแคง และระวังไม่ให้เกิดการกดทับบริเวณหน้าผาก 7-14 วัน หรือจนกว่าฟิลเลอร์จะเข้าที่ เพื่อหลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ย้ายตัวหรือเคลื่อนตำแหน่ง
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องพบเจอความร้อน 1 เดือน เช่น เลเซอร์ ซาวน่า
- ดื่มน้ำให้มาก ๆ ช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน
- งดแต่งหน้า 1 วัน หากเลี่ยงไม่ได้ให้แต่หน้าเบา ๆ เพื่อลดการสัมผัสใบหน้า
- งดดื่มแอลกอฮอล์และของหมักดอง เพื่อป้องกันการอักเสบ
- ประคบเย็นหากมีการบวมช้ำ
- งดออกกำลังกายแบบหนัก ๆ 48 ชม. หลังฉีด
อ่านเพิ่มเติม หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรดูแลตัวเองอย่างไร
สรุป
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเป็นการแก้ไขปัญหารูปหน้าบริเวณหน้าผาก โดยการฉีดสารเติมเต็ม เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน และต้องการปรับความนูนได้ตลอดเวลาตามใจชอบ
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและความปลอดภัยควรเลือกฉีดฟิลเลอร์หน้าผากกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและคลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้น และควรศึกษาหาความรู้ในการฉีดฟิลเลอร์ร่วมกับบริเวณที่ต้องการฉีด รวมถึงดูแลตัวเองก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างถูกต้องด้วย
