การฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้า แก้ไขปัญหาร่องลึกและริ้วรอยต่างๆ ให้ใบหน้ากลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง เป็นที่นิยมมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้มีฟิลเลอร์หลากหลายยี่ห้อที่ผ่านอย.ให้เลือกใช้อย่างมากมาย หนึ่งในนั้นที่หมออยากจะแนะนำคือ “ฟิลเลอร์ Juvederm”


ฟิลเลอร์ Juvederm คืออะไร ?
ฟิลเลอร์แบรนด์สัญชาติอเมริกา ได้รับความนิยมจากทั่วโลกมาอย่างยาวนานในการนำมาใช้ปรับรูปหน้า แก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ บนใบหน้า นำเข้าโดยบริษัท Allergan Thailand ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่ผลิต Botox Allergan
โดยผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ Juvederm นั้นเป็นฟิลเลอร์ในกลุ่ม Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารเติมเต็มที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างในร่างกาย มีความปลอดภัยสูง
รวมถึงผ่านการรับรองจาก อย.อเมริกา (US FDA) และ อย.ไทย (Thai FDA) เป็นฟิลเลอร์ที่แพทย์ทั่วโลกไว้วางใจในการนำมาใช้ปรับรูปหน้าของคนไข้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

พัชชาคลินิกได้รับรางวัล Certified Allergan Aesthetics Top Valued Customer Award คลินิกที่มียอดใช้ Filler Juvederm สูงระดับประเทศ ปี 2021
รางวัล GOLD AWARD 2022 คลินิกที่มียอดใช้ Filler Juvederm สูงระดับประเทศประจำปี 2022
รางวัลคลินิกที่เป็นที่สุดด้านการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจากสุดสัปดาห์ ปี 2022
ต่างจากฟิลเลอร์ชนิดอื่นอย่างไร ?
ฟิลเลอร์ Juvederm มีเทคโนโลยีการผลิตที่เฉพาะ ออกแบบมาหลากหลายรุ่นเพื่อตอบโจทย์กับการแก้ปัญหาบนใบหน้าในทุกบริเวณ โมเลกุลของฟิลเลอร์มีความคงตัวและยืดหยุ่นสูง ร่วมกับกลืนกับชั้นผิวได้ดีทำให้ฟิลเลอร์ Juvederm มีความโดดเด่นมากในเรื่องของการยกกระชับผิวนอกเหนือจากการเติมเต็มเพียงอย่างเดียว

และด้วยเทคโนโลยีพิเศษของฟิลเลอร์ Juvederm ที่ทำให้หลังฉีดเกิดการบวมน้ำน้อยมากเมื่อเทียบกับสาร Hyaluronic acid แบรนด์อื่นๆ รวมถึงเนื้อเจลฟิลเลอร์มีสัมผัสที่นิ่ม กลืนกับผิวได้ดี ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้การออกแบบไซริงค์ที่บรรจุฟิลเลอร์มาให้ง่ายต่อการฉีด ทำให้แพทย์สามารถควบคุมปริมาณการใช้ยาได้ดี บริหารยาง่าย จึงสามารถลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ได้
อ่านเพิ่มเติม: ฟิลเลอร์อันตรายไหม
ฟิลเลอร์ Juvederm มีกี่รุ่น อะไรบ้าง ?
ฟิลเลอร์ Juvederm จะมีการผลิตด้วย 2 เทคโนโลยีคือ Hylacross และ Vycross Technology โดยจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน และในแต่ละเทคโนโยลีการผลิตจะมีหลากหลายรุ่นดังนี้

-
Hylacross Technology
เป็นเทคโนโลยีดั้งเดิมของฟิลเลอร์ Juvederm ฟิลเลอร์ในกลุ่มนี้จะคุณสมบัติที่เด่นในเรื่องของการอุ้มน้ำ หลังฉีดเนื้อฟิลเลอร์จะมีความฟูค่อนข้างมาก เหมาะสำหรับต้องการผลลัพธ์ในเรื่องของเติมในบริเวณร่องลึก หรือในตำแหน่งที่ไขมันหายไปมาก เช่น แก้มตอบ ร่องแก้ม เป็นต้น
แพทย์ผู้ทำการรักษาต้องมีความแม่นยำอย่างมาก เนื่องจากถ้าเติมเยอะไปจะทำให้ใบหน้าของคนไข้บวมได้ ดังนั้นแนะนำให้ฉีดให้เห็นผลลัพธ์ประมาณ 80% เพื่อเผื่อให้ฟิลเลอร์บวมน้ำขึ้นมาอีกเมื่อฟิลเลอร์เข้าที่ โดยรุ่นของฟิลเลอร์ที่อยู่ในกลุ่ม Hylacross ได้แก่
- Juvederm Ultra XC
- Juvederm Ultra Plus XC

-
Vycross Technology
เป็นเทคโนโลยีล่าสุด ที่พัฒนาขึ้นมาให้โมเลกุลของฟิลเลอร์บวมน้ำน้อยลง และมีคุณสมบัติพิเศษที่เด่นในเรื่องของการยกกระชับ เหมาะสำหรับเติมเต็มในทุกบริเวณของใบหน้า ผลลัพธ์ที่ได้จะมีความเรียบเนียนสวย เป็นธรรมชาติ โดยแพทย์สามารถกำหนดผลลัพธ์ที่ได้แม่นยำมากกว่ารุ่น Hylacross รุ่นของฟิลเลอร์ที่อยู่ในกลุ่ม Vycross ได้แก่
- Juvederm Volux
- Juvederm Voluma
- Juvederm Volift
- Juvederm Vobella
- Juvederm Volite
Juvedermแต่ละรุ่นอยู่ได้นานแค่ไหน ฉีดตรงไหนได้บ้าง
ฟิลเลอร์ Juvederm ที่ผ่านอย.มีทั้งหมด 7 รุ่น (อัปเดต มีนาคม 2564) ซึ่งแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติ ตำแหน่งที่เหมาะสมในการฉีด และระยะเวลาที่คงสภาพอยู่ในผิวได้นานแตกต่างกัน ดังนี้

Juvederm Volux
- เป็นรุ่นที่มีเนื้อแข็งที่สุดในทุกรุ่น แต่เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่กลืนกับผิวได้ดีทำให้เนื้อสัมผัสเบาเมื่อเทียบกับกลุ่มฟิลเลอร์เนื้อแข็งแบรนด์อื่น มีคุณสมบัติพิเศษในการขึ้นทรงสวย คงรูปได้ดี และสามารถยกกระชับได้
- เหมาะสำหรับปรับแนวกระดูกบริเวณกราม ขากรรไกรและปรับรูปทรงคาง เพิ่มความยาว เพื่อปรับรูปหน้าและกรอบหน้าให้มีความชัดได้รูปมากยิ่งขึ้น
- อยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน

Juvederm Voluma
- เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่รองลงมาจาก volux สามารถฉีดเพื่อยกกระชับได้ดี เนื้อเจลมีความพิเศษสามารถกลืนกับผิวได้ไวแต่ยังมีความคงรูป ปั้นง่าย เนื้อเนียนละเอียด และรุ่นนี้เป็นรุ่นตัวtopสุดของฟิลเลอร์ Juvederm เลยค่ะ
- เหมาะสำหรับฉีดบริเวณขมับ แก้มส้ม แก้มตอบ ปรับคางให้ดูละมุน ยกกระชับช่วงหน้า(Midface) แก้มแก้ไขร่องแก้ม มุมปากตก
- อยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน

Juvederm Volift
- เนื้อฟิลเลอร์มีความนิ่มปานกลาง เรียบเนียน ไม่ไหลง่าย เหมาะกับการเติมเต็มเพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
- เหมาะสำหรับฉีดบริเวณร่องลึกต่างๆ เช่นร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก แก้มตอบ ขมับ รวมไปถึงฉีดบริเวณใต้ตาชั้นลึกเพื่อแก้ไขถุงใต้ตา เบ้าตาโหลและปรับรูปทรงปาก เพิ่มวอลลุ่มปาก
- อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน

Juvederm Volbella
- เนื้อฟิลเลอร์มีโมเลกุลเล็กคล้ายเจลนิ่มๆ ไม่เป็นก้อน มีความเนียนละเอียด กลืนกับผิวได้ดี แต่ยังคงคุณสมบุติอุ้มน้ำไว้อยู่
- เหมาะสำหรับฉีดบริเวณ ใต้ตาชั้นลึกตามแนวกระดูกเบ้าตา และฉีดเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปากโดยที่ไม่เปลี่ยนแปลงทรงปากเดิม
- อยู่นานประมาณ 8-12 เดือน

Juvederm Volite
- เนื้อฟิลเลอร์มีความละเอียดเล็กที่สุดในทุกรุ่น เนื้อเจลบางเบา กลืนกับผิวได้เลย สามารถฉีดเข้าไปที่ขั้นหนังแท้ได้ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและให้ความเรียบเนียนกับผิว
- เหมาะสำหรับฉีดแก้ไขปัญหาผิวหน้าที่มีริ้วรอยเล็กๆบนผิวริ้วรอยใต้ตา และบริเวณลำคอ รวมไปถึงเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูฉ่ำวาว ลดรูขุมขนกว้าง
- อยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน

Juvederm Ultra XC
- เนื้อเจลนิ่มเรียบเนียน ฟูน้ำค่อนข้างมาก
- เหมาะสำหรับใช้ฉีดเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกๆ เช่น ขมับ แก้มตอบ จมูก คาง
- อยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน

Juvederm Ultra Plus XC
- เนื้อเจลแน่นคงตัวสูง อุ้มน้ำได้มาก เนื้อค่อนข้างฟู
- เหมาะสำหรับบริเวณที่ต้องการให้ฟูมากๆหรือบริเวณที่หายไปค่อนข้างเยอะ เช่น ขมับ แก้มตอบ ร่องแก้ม คาง
- อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
สามารถฉีดฟิลเลอร์ Juvedermร่วมกับยี่ห้ออื่นได้ไหม
เราสามารถฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ร่วมไปกับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นได้ในครั้งเดียวกันค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ใช้ฟิลเลอร์ Juvederm ฉีดบริเวณใต้ตาชั้นลึก และใช้ยี่ห้ออื่นฉีดบริเวณใต้ตาชั้นตื้นเนื่องจาก Juvederm ไม่มีรุ่นไหนแนะนำให้มาฉีดชั้นตื้นเนื่องจากจะมีปัญหาเป็นก้อนได้ค่ะ
หรือในคนไข้บางท่านเคยฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นมาก่อนหน้าอยากเติมเป็นฟิลเลอร์ Juvederm ในบริเวณเดียวกันสามารถทำได้ค่ะ โดยหมอแนะนำให้เว้นจากการฉีดครั้งก่อนหน้ามาอย่างน้อย 2-4สัปดาห์ค่ะ เพื่อให้ฟิลเลอร์ก่อนหน้าหายบวมและกลืนกับผิวดีก่อนค่ะ

ฟิลเลอร์ Juvederm ราคาเท่าไร ?
ฟิลเลอร์ Juvederm ราคา แต่ละรุ่นจะแตกต่างกันออกไป เนื่องจากแต่ละรุ่นมีความเข้มข้นของสาร Hyaluronic acid อายุการใช้งาน และตำแหน่งบริเวณที่เติมแตกต่างกัน ซึ่งเรทราคาในประเทศไทยของแต่ละรุ่น จะอยู่ที่ช่วงราคา ดังนี้

- Juvederm Volux 1 cc ราคาเริ่มต้นที่ 11,000-20,000.-
- Juvederm Voluma 1 cc ราคาเริ่มต้นที่ 11,000-20,000.-
- Juvederm Volift 1 cc ราคาเริ่มต้นที่ 11,000-20,000.-
- Juvederm Volite 1 cc ราคาเริ่มต้นที่ 9,000-20,000.-
- Juvederm Volbella 1 cc ราคาเริ่มต้นที่ 11,000-20,000.-
- Juvederm Ultra XC 1 cc ราคาเริ่มต้นที่ 8,000-18,000.-
- Juvederm Ultra Plus XC 1 cc ราคาเริ่มต้นที่ 8,000-18,000.-
โปรโมชั่นของทาง Patcha Clinic : ราคาฟิลเลอร์ Juvederm
ซึ่งฟิลเลอร์ Juvederm ถือว่ามีราคาสูงที่สุดเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์แบรนด์อื่นในท้องตลาด แต่สำหรับหมอเองแล้วคิดว่าราคาคุ้มกับคุณภาพที่ได้ค่ะ

โดยราคาขายในแต่ละคลินิกจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับเทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ด้วย ไม่ว่าจะเลือกฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ที่ไหน หมอแนะนำว่าควรเลือกคลินิกที่สั่งซื้อฟิลเลอร์จาก บริษัท Allergan ประเทศไทยโดยตรง
ทั้งนี้ต้องสามารถตรวจสอบได้ว่าไม่ใช้ยาหิ้ว หรือยาปลอม เพื่อความปลอดภัยของตัวคนไข้เอง และถ้าคลินิกไหนซื้อฟิลเลอร์จากบริษัทที่นำเข้าอย่างถูกต้อง จะมีระบบที่คอยดูแลลูกค้าหลังการขายจากทางบริษัทอีกช่องทางหนึ่งให้ด้วยค่ะ นอกเหนือจากการดูแลจากทางคลินิกที่ไปรักษา
วิธีเช็กฟิลเลอร์ Juvederm ของแท้

วิธีเช็กฟิลเลอร์จูวีเดิมที่ใช้ว่าเป็นของแท้หรือไม่ สามารถทำได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
- เลข Lot. วันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุที่ข้างกล่องฟิลเลอร์ต้องตรงกันกับเลข Lot. ที่ถาดซีลฟิลเลอร์ในกล่อง
- โทรสอบถามโดยตรงกับบริษัท Allergan Thailand หรือ Call Center DKSH Thailand
สรุป
ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์จากประเทศอเมริกา ที่มีการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากหลากหลายสถาบันทั่วโลก มีเทคโนโลยีการผลิตที่จำเพาะ 2 แบบ เด่นในเรื่องของการเติมเต็มและยกกระชับปรับรูปหน้า ฟิลเลอร์ Juvederm ถือเป็นฟิลเลอร์ตัวหนึ่งที่ดีมากๆ ค่ะ
นอกจากนี้หมออยากแนะนำให้คนไข้พิจารณาปัจจัยอื่นร่วมด้วย ได้แก่ คลินิกที่เข้ารับบริการ แพทย์ที่ทำการรักษา และที่สำคัญต้องเป็นฟิลเลอร์ Juvederm ที่ได้มาตรฐานอย.ไทย ถึงจะมีความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่สวยถูกใจค่ะ สำหรับใครที่อยากทราบวิธีการเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่ดี ให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยเป็นธรรมชาติ สามารถอ่านได้ที่ ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี
