ไหม Definisse หรือไหมอิตาลี เป็นไหมยกกระชับอีกชนิดหนึ่งที่มาจากประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นไหมอีกตัวเลือกหนึ่ง ทำให้หลายคนสงสัยว่า ไหมอิตาลีดีไหม มีจุดเด่นอะไรบ้าง ต่างจากไหมชนิดอื่นอย่างไร ราคาเท่าไร ในบทความนี้หมอจะพาทุกคนมารู้จักกับไหมอิตาลีค่ะ
ร้อยไหมอิตาลี คืออะไร ?
ไหมอิตาลี หรือไหม Definisse คือ ไหมจากประเทศอิตาลี ผลิตโดยบริษัท Relife ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท A. Menarini ที่เป็นบริษัทเวชภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก โดยไหม Definisse นั้นได้รับรองความปลอดภัยจากอย.ยุโรป และอย.ไทยค่ะ
จุดเด่นของไหมอิตาลี (Definisse)
- เป็นไหมจาก p(LA-CL) หรือ Poly-L-lactic acid and caprolactone ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูง สามารถสลายได้เอง
- เงี่ยงไหมเป็นแบบ 3 มิติ เงี่ยงสองทิศทาง (Bidirectional Thread) ยึดเกาะกับเนื้อเยื่อใต้ผิวได้แน่น ไม่หลุดง่าย
- เป็นเข็มปลายแหลม แต่มีการออกแบบที่ทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวบอบช้ำน้อย
- ให้ผลลัพธ์แบบ Double Action คือยกกระชับทันทีหลังทำ และกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวเพิ่มความกระชับของผิวมากขึ้น
ไหมอิตาลีมีกี่แบบ
ไหมอิตาลีมีอยู่ด้วยกัน 3 แบบดังนี้
1.Definisse free floating threads
- เป็นไหมเข็มปลายทู่ขนาดเข็มเบอร์ 19/20G และตัวไหมจะแยกกับเข็ม เวลาร้อยต้องทำการสอดไหมเข้าไปในเข็มนำ
- เส้นไหมขนาด USP 2-0 ยาว 12 cm
- เงี่ยงไหมมีลักษณะเป็นเงี่ยงสองทิศทางหันเข้าหากัน (Bidirectional and Convergent Thread)
- ใช้บริเวณหน้าแก้ม ร่องแก้ม และ เหนียง
ลักษณะเส้นไหมของ Definisse free floating threads
2. Definisse double needle threads
- เป็นไหมเข็มปลายแหลมแบบพิเศษ (Triangular needle) มีเข็มสองด้าน ขนาดเข็มเบอร์ 21 G
- เส้นไหมขนาด USP 2-0 มีความยาว 2 ขนาด 12 cm และ 23 cm
- เงี่ยงไหมมีลักษณะเป็นเงี่ยงสองทิศทางหันเข้าหากัน (Bidirectional and Convergent Thread)
- ใช้บริเวณแก้ม กรอบหน้า หางคิ้ว หางตา เหนียง คอ
ลักษณะเส้นไหมของ Definisse double needle threads
3. Definisse ancorage threads
- เป็นไหมมีเข็มสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นเข็มปลายแหลมยาวตรง อีกด้านเป็นเข็มปลายแหลมครึ่งวงกลม
- เส้นไหมขนาด USP2-0 มีความยาว 6 cm
- เงี่ยงไหมมีลักษณะเป็นเงี่ยงทิศทางเดียว (Unidirectional thread)
- เวลาร้อยจะเปิดไหมเข้าจากหนังศีรษะ และมีเทคนิคการร้อยที่จำเพาะและซับซ้อนกว่าตัวอื่น
- ใช้บริเวณใบหน้า
ลักษณะเส้นไหมของ Definisse ancorage threads
ไหมอิตาลีต่างจากไหมชนิดอื่นอย่างไร
ไหม Definisse หรือไหมอิตาลีต่างจากไหมอื่นๆ ดังนี้
- ไหมทำมาจาก P(LA-CL) ซึ่งเป็นวัสดุที่มาจาก PLLA กับ PCL ผสมกัน ทำให้ไหมอิตาลีมีความแข็งแรง ไม่หักง่าย ยืดหยุ่นสูง กระตุ้นคอลลาเจนได้ดี และอยู่ได้นาน
- เงี่ยงไหมเป็นแบบ 3 มิติ และหันเข้าหากันทั้งสองทิศทาง ทำให้ยึดเกาะได้ดี และยกกระชับผิวได้ดีมากขึ้น
- เป็นไหมที่มีเข็มสองด้าน ทำให้การร้อยไหมยกกระชับเสร็จได้ไวขึ้น
- ไหมมีความแข็งแรง เกาะเนื้อเยื่อได้ดี ทำให้ใช้ไหม Definisse เพียงแค่เส้นเดียวก็เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน
อ่านบทความเพิ่มเติม : ร้อยไหมมีกี่แบบ
ร้อยไหมอิตาลีเหมาะกับใคร ?
- มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยในระดับน้อย-ปานกลาง
- มีปัญหาแก้มตอบ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก กระเปาะแก้มหย่อนคล้อย
- มีผิวปกติถึงหนา หรือผู้ที่มีชั้นไขมันใต้ผิวหนังหนา
- มีปัญหาหนังตา หางคิ้ว หางตาตก
- ไม่อยากมีอาการบวมช้ำมากหลังทำ
- ต้องการเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ
ข้อดีของการร้อยไหมอิตาลี
- ใช้ไหมเพียงข้างละ 1-2 เส้นก็เพียงพอต่อการยกกระชับ
- มีเทคนิคการร้อยเฉพาะ ยกกระชับผิวหย่อนคล้อยได้ดี
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวเต่งตึงใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- เกิดความระบม บวมช้ำได้น้อยกว่าไหมอื่นๆ
- ใช้เวลาในการทำไม่นานถ้าเทียบกับการผ่าตัด
- เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ
- ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ
ร้อยไหมอิตาลีอยู่ได้นานแค่ไหน
ผลลัพธ์หลังร้อยไหมอิตาลีสามารถอยู่ได้นาน 12 – 18 เดือน และถึงแม้ไหมเริ่มละลายไปหมดแล้ว จะมีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เกิดจากการเกี่ยวรั้งของไหมทำให้เกิดพังผืดใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวหย่อนคล้อยน้อยลงกว่าตอนก่อนร้อย แต่ระยะเวลาของไหมจะขึ้นอยู่กับสภาพผิว ชีวิตประจำวัน และการดูแลของแต่ละคนด้วยค่ะ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : วิธีดูแลหลังร้อยไหม
ร้อยไหมอิตาลีราคาเท่าไร
- ร้อยไหมอิตาลี 2 เส้น ราคา 40,000 บาท
- ร้อยไหมอิตาลี 4 เส้น ราคา 70,000 บาท
( จากราคาปกติเส้นละ 30,000 บาท )
ดูราคาโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่ : ราคาร้อยไหม
สรุป
การร้อยไหมอิตาลีหรือไหม Definisse เป็นไหมจากวัสดุ p(LA-CL) ซึ่งมีความแข็งแรง ยืดหยุ่นสูง และอยู่ได้นาน ทำให้แม้ใช้เพียงแค่ 1 – 2 เส้นต่อข้างได้ผลลัพธ์เท่ากับการยกกระชับของไหมอื่นๆ ปัจจุบันมีให้เลือกใช้ด้วยกันถึง 3 แบบ โดยแต่ละแบบก็จะเหมาะกับบริเวณที่แตกต่างกันออกไป