ไหมคอลลาเจนเป็นไหมที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ส่งผลให้ผิวดูแน่น เฟิร์มกระชับขึ้น โดยตัวไหมจะมีลักษณะเป็นไหมเส้นเรียบ ไม่มีเงี่ยง มีหลากหลายชื่อเรียก และหลากหลายรูปแบบในปัจจุบัน ซึ่งสามารถนำมาใช้แก้ปัญหาผิวหน้าได้มากมาย ผลลัพธ์ที่ได้จะชัดเจนที่ประมาณ 4 สัปดาห์หลังทำ และไม่ต้องพักฟื้นนาน ดูแลง่าย ที่สำคัญไหมสลายไปได้เอง ไม่ตกค้างในร่างกาย มีความปลอดภัยสูง
ไหมคอลลาเจนคืออะไร ?
“ไหมคอลลาเจน” ที่หลายคนเข้าใจ คือไหมเส้นเล็กๆที่ร้อยไปแล้วจะช่วยกระตุ้นcollagenให้ผิวฟูขึ้น จริงๆแล้วก็ถูกค่ะ แต่ยังไม่หมด !! ถ้าพูดให้ถูกต้อง คือ ไหมอะไรก็ได้ที่ร้อยเข้าไปใต้ชั้นผิว แล้วทำให้เกิดแผลขึ้นจากนั้นเกิดการสร้างคอลลาเจนตามมา แต่ในวงการเสริมความงามเราเอามาเรียกทับศัพท์แทนลักษณะไหมที่เป็นเส้นเรียบและไม่มีเงี่ยงค่ะ

ไหมคอลลาเจนที่ว่าจะเป็น ไหมเรียบ หรือ ไหมmono มีลักษณะเส้นเล็ก เรียบ ไม่ยาวมาก และไม่มีเงี่ยง ที่พัชชาคลินิกจะใช้ชื่อเรียกว่า ไหมเกลียวล็อก เนื่องจากกระบวนการทำงานของไหมหลักๆ แล้วคือกระตุ้นการสร้าง collagen ใต้ชั้นผิวหนัง ให้ผิวหนังดูเต่งตึง ลดรอยเหี่ยวย่น กระชับผิว ฟื้นฟูผิว และลดปัญหาหลุมสิว รูขุมขนกว้างได้ โดยปกติแล้วจะไม่นิยมใช้ในการดึงผิวหน้าที่หย่อนคล้อย เพราะว่าไหมชนิดนี้ไม่ได้มีประสิทธิภาพในการดึงใบหน้าให้ดูยกกระชับและเรียวได้เท่ากับไหมที่มีเงี่ยง

ไหมเรียบ หรือไหม mono เป็นไหมละลายที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากไหมที่ใช้ในการเย็บเส้นเลือดในร่างกาย ดังนั้นจึงมีความปลอดภัย และลดโอกาสการเกิดอาการแพ้ สามารถที่จะสลายได้เองเมื่อระยะเวลาผ่านไป 6-8 เดือน
โดยหลังการร้อยไหมจะเห็นผลทันทีประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ และจะเห็นผลชัดเจนเมื่อผิวหน้าของเราเข้าที่ประมาณ 1-2 เดือน และเห็นผลเป็นเวลานานถึง 1 ปีเป็นอย่างต่ำ การร้อยไหมชนิดนี้จำเป็นต้องร้อยหลายเส้นเพื่อให้เห็นผลชัดเจน อย่างน้อยๆ 40 เส้นขึ้นไป เนื่องจากไหมเส้นเล็กต้องอาศัยการวางแนวไหนซ้อนกันหลายเส้น
ไหมcollagenช่วยแก้ปัญหาเรื่องอะไรบ้าง ?

- ฟื้นฟูผิวกระตุ้นการสร้าง Collagen และ Elastin ใต้ชั้นผิว
- ทำให้ผิวดูแน่นขึ้นและยังช่วยให้ผิวเรียบเนียน แก้ปัญหาหลุมสิว รูขุมขนกว้าง (หากใช้ไหมปริมาณที่เพียงพอกับปัญหาของผิว)
- ผิวกระชับและกรอบหน้าชัดขึ้น
- ทำให้ผิวหน้าดูอิ่มฟู ลดริ้วรอย และเปล่งปลั่งขึ้น
- ยกหางคิ้ว หางตา ปรับโหงวเฮ้ง
ลักษณะของไหมคอลลาเจน
มีหลากหลายรูปแบบและหลายชื่อ ขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิกจะตั้งชื่อและเลือกมาใช้ โดยส่วนมากตัวไหมจะมีลักษณะดังนี้

- เส้นไหมมีขนาดสั้น มีความยาวไม่เกินประมาณ 10 เซนติเมตร
- เส้นไหมมีขนาดเล็ก รูปแบบเป็นเข็มปลายแหลมขนาดประมาณ 27G-30G
- ทำจากวัสดุที่สามารถสลายได้เอง ไม่ตกค้าง ได้แก่ PDO, PLLA และ PCL มีความปลอดภัย
- เส้นไหมมีความเรียบ ไม่มีเงี่ยงหรือปุ่มเกลียวแยกออกมาจากเส้นไหม
- รูปแบบของไหมอาจเป็นแบบเส้นเดี่ยว แบบเกลียวพันรอบเข็ม หรือแบบคล้ายดอกไม้ (Blooming)
ข้อดีของการร้อยไหมcollagen

- บวมช้ำน้อยมาก ใช้หน้าได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด มีรอยแผลเล็ก ลักษณะแค่รอยเข็มจิ้ม
- วัสดุของเส้นไหมมีความปลอดภัย สามารถสลายได้เอง ไม่ตกค้าง
- เจ็บน้อยหรือแทบไม่เจ็บเลย เนื่องจากเส้นไหมมีขนาดเล็ก
- ช่วยกระตุ้นการสร้าง Collagen ใต้ชั้นผิวหนัง เห็นผลลัพธ์ในระยะยาว
- ผลลัพธ์ที่ได้ใบหน้าจะกระชับเต่งตึง ผิวเรียบเนียนดูอ่อนเยาว์ และริ้วรอยตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้าจะดูตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- ไม่มีข้อจำกัดในเคสที่อายุเยอะเหมือนไหมเงี่ยง
ข้อเสียของการร้อยไหมcollagen
- เป็นไหมเส้นเรียบ ไม่มีเงี่ยง ทำให้ไม่สามารถล็อคกับเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังได้ ผลลัพธ์ในเรื่องของการยกกระชับค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับการร้อยไหมที่มีเงี่ยง
- อาจจะมีอาการบวมช้ำตามแนวเส้นไหม เนื่องจากร้อยในผิวชั้นตื้นและเป็นเข็มปลายแหลม อาจโดนเส้นเลือดฝอยได้ แต่จะหายเป็นปกติภายใน 1-2 สัปดาห์
- ไหมอยู่ได้แค่ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปก็จะสลายเสื่อมสภาพลง
- หากร้อยกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ใช้เส้นไหมที่ไม่มีคุณภาพ แพทย์ไม่มีประสบการณ์ จะทำให้ไหมกระจุกตัวเป็นก้อน เกิดพังผืดใต้ผิว และอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
ไหมอื่นๆที่ไม่ใช่ PDO สร้างคอลลาเจนได้ไหม ?

ไหมละลายที่มีใช้ในปัจจุบันสามารถกระตุ้นการสร้างcollagenได้ทุกตัวค่ะ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุ Polydioxanone (PDO), Polylactic acid (PLLA) หรือ Polycarpolactone (PCL)
ตามหลักการคือเส้นไหมเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ใส่เข้าไปใต้ผิว >> จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและเกิดแผลใต้ผิว >> ร่างกายจึงมีกระบวนการซ่อมแซม >> เกิดการกระตุ้นการสร้างcollagenตามมา
ควรจะเลือกไหมตัวไหนดี ?
“การร้อยไหมที่ดีที่สุด คือการร้อยไหมที่ตอบโจทย์กับปัญหาใบหน้าของเราได้ดีที่สุดค่ะ”
ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการยกตึงกระชับใบหน้า แนะนำให้ร้อยไหมเส้นใหญ่หรือไหมที่มีเงี่ยง แต่หากว่าต้องการร้อยเพื่อเน้นให้ผิวดูอิ่มฟู เรียบเนียน แนะนำให้ร้อยไหมเรียบ (ไหมmono)

โดยไหมแต่ละชนิด แต่ละวัสดุมีข้อดีในเรื่องของการสร้างcollagenเหมือนกันหมด แต่การที่จะร้อยให้เห็นผลดีต้องใช้จำนวนเส้นไหมที่มากและตำแหน่งที่ร้อยจะแตกต่างกันตามปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข
การร้อยไหมเรียบและไหมที่มีเงี่ยง ปกติสามารถทำพร้อมกันในครั้งเดียวได้ เนื่องจากไหมที่มีเงี่ยงจะยกดึงใบหน้าที่หย่อนคล้อยให้กระชับและเรียวขึ้น ส่วนไหมเรียบจะทำให้ผิวที่นิ่มตามอายุกลับมาแน่นเฟิร์ม ฟูมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเมื่อร้อยพร้อมกันทั้ง 2 ชนิดจะช่วยเสริมซึ่งกันและกัน
อ่านเพิ่มเติม : ร้อยไหมแบบไหนดี
สรุป
ไหมคอลลาเจน หรือไหมเรียบ (ไหมmono) เป็นไหมที่เน้นในเรื่องของการกระตุ้นcollagenและอีลาสตินใต้ผิว ผลลัพธ์ที่ได้ผิวจะเรียบ อิ่มฟูขึ้น ลดริ้วรอยตื้นๆ บนผิว และดูกระชับขึ้น แต่ผลลัพธ์ในเรื่องของการยกกระชับจะไม่ได้เด่นชัดเท่าไหมเส้นใหญ่หรือไหมเงี่ยง (Barb) และการที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีต้องใช้จำนวนหลายเส้น และแพทย์ต้องมีเทคนิคการวางไหมที่ดี
ดังนั้นในปัจจุบันการร้อยไหมผสมกันระหว่างไหมเรียบและไหมเงี่ยง เพื่อแก้ปัญหาผิวที่หย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น จึงเป็นที่นิยม เนื่องจากจะแก้ปัญหาผิวได้ครอบคลุม ทำงานเสริมกัน และผลลัพธ์ที่ได้เป็นที่น่าประทับใจของคนไข้ในหลายๆ คน
