การฉีด Soft filler เพื่อแก้ไขปัญหาร่องลึกบนใบหน้าอาศัยเทคนิคการเติมเต็ม เป็นเทรนด์หนึ่งในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งหมอได้ไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Soft filler ว่าคืออะไร ช่วยแก้ปัญหาผิวส่วนไหนได้บ้าง และมีอันตรายอะไรแอบแฝงอยู่ หมอได้รวบรวมไว้ในบทความนี้ค่ะ
Soft filler คืออะไร
จากที่หมอได้ไปศึกษาค้นคว้าจากหลากหลายแห่งพบว่า Soft filler ไม่ใช่ชื่อการค้า หรือ ผลิตภัณฑ์ หรือ วิธีการใดที่ได้มาตรฐานรับรองในเรื่องการฉีดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังเพื่อหวังผลในเรื่องของการเติมเต็มเหมือน Filler ที่เป็นสาร Hyaluronic acid ซึ่งคือฟิลเลอร์ที่ได้อย.ไทย ในปัจจุบัน
Soft filler กับ Filler ต่างกันอย่างไร
หมอขอให้ทุกท่านทำความเข้าใจก่อนว่า “ฟิลเลอร์ : Filler” คือสารเติมเต็มซึ่งมีหลากหลายชนิด ทั้งสามารถสลายได้เอง และ ไม่สามารถสลายได้เอง โดยชนิดที่นิยมในประเทศไทยและได้รับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาในไทยคือ Cross-linked Hyaluronic acid หรือ สารไฮยาที่โมเลกุลจับกันแน่นสามารถคงสภาพอยู่ในผิวเราได้ประมาณ 6-24 เดือน และสลายได้เอง
ดั้งนั้น Soft filler จึงเป็นเพียงแค่ชื่อที่ตั้งขึ้นมาเองในแง่ของการตลาด เพื่อให้สอดคล้องกับ Filler โดยจะเป็นสารอะไรก็ได้แล้วแต่สถานพยาบาล หรือ คลินิกเสริมความงามแต่ละที่นำมาใช้ โดยสารหรือชนิดของยาที่นิยมนำมาใช้เป็น soft filler หมอจะเล่าให้ฟังต่อในหัวข้อถัดไป พร้อมทั้งบอกถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นค่ะ
Soft filler อันตรายไหม
ถ้าหมอจะทราบว่ายาตัวไหน หรือ สารตัวไหนมีความปลอดภัย จะอิงจากการรับรองความปลอดภัยจาก อย.ไทยเป็นหลัก และ การศึกษางานวิจัยในการใช้สารดังกล่าวในมนุษย์
สำหรับ Soft filler อย่างที่เล่าให้ฟังก่อนหน้าว่าไม่มีบัญญัติเอาไว้อย่างชัดเจนว่าคือสารอะไร เป็นเพียงแค่การตั้งชื่อทางการตลาดเพียงเท่านั้น และจากการศึกษาค้นคว้าของตัวหมอเองในหลายๆที่ พบว่ายาหรือสารส่วนใหญ่ที่นำมาใช้เป็น Soft filler มีดังนี้
1. สาร Mesotherapy
คือสารเมโสหน้าใสที่เรารู้จักกัน มีหลากหลายยี่ห้อในท้องตลาด แต่ส่วนมากได้รับรองมาตรฐานจากอย.ไทย ในเรื่องของการทาบนผิวเพียงเท่านั้น ไม่ได้รับรองมาตรฐานความปลอดภัยในเรื่องการฉีดเข้าใต้ผิวหนังโดยตรง
องค์ประกอบส่วนมากจะเป็น Non Cross-linked HA , วิตามินชนิดต่างๆ และสารกลุ่มให้ความขาว เมื่อนำมาใช้ฉีดเข้าไปใต้ผิวบริเวณที่เป็นร่องลึก ซึ่งบริเวณที่นิยมคือใต้ตา จะเห็นว่าร่องลึกดูเต็มขึ้นจากปริมาตรยาที่ฉีดเข้าไป แต่จะค่อยๆยุบลงเรื่อย กลับมาลึกตามเดิมประมาณหลักวันถึงสัปดาห์ แต่จะเน้นในเรื่องของการบำรุงผิวมากกว่า
ดังนั้นสำหรับความเห็นส่วนตัวของหมอ สารตัวนี้คนไข้ควรเลือกใช้ชนิดที่ผ่านอย.ไทยแบบฉีดเข้าไปใต้ผิวโดยตรง เพราะหากเป็นแค่อย.ที่ใช้สำหรับทาอาจมีการผลิตที่ไม่ดีพอ มีการปนเปื้อนของเชื้อ หรือ สารส่วนผสมไม่เหมาะกับการฉีดเข้าไปใต้ผิวหนัง จะทำให้เกิดอันตรายได้
2. PRP (Platelet Rich Plasma)
เป็นสารสเต็มเซลล์ที่ได้จากเกร็ดเลือด มีงานวิจัยรับรองเรื่องการใช้ฉีดแก้ปัญหาบนใบหน้ามากมาย และคลินิกบางที่นำมาใช้เป็น soft filler ถ้าถามในเรื่องของความปลอดภัย สำหรับหมอถือว่า PRP ปลอดภัย แต่ถ้านำมาใช้ฉีดเพื่อการเติมเต็ม ผลลัพธ์ที่ได้อยู่ได้ไม่นาน เมื่อเทียบกับการฉีด Filler ชนิด Cross-linked Hyaluronic acid
Soft filler แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
ส่วนมาก Soft filler นำมาฉีดเพื่อหวังผลในเรื่องของการเติมเต็ม เลียนแบบการฉีด Filler ชนิด Cross-linked Hyaluronic acid แต่ผลลัพธ์ในเรื่องของการเติมเต็ม อยู่ได้เพียงหลักวัน ถึง สัปดาห์ เท่านั้น ดังนั้นสำหรับตัวหมอเองเมื่อมีปัญหาร่องลึก ริ้วรอยบนใบหน้า แล้วอยากแก้ไขให้เต็ม ตื้นขึ้น แนะนำเป็นการฉีด Filler ชนิด Cross-linked Hyaluronic acid จะดีที่สุด เนื่องจากอยู่ได้นาน สลายได้เอง มีความปลอดภัยสูง
สำหรับสาร Mesotherapy โดยส่วนมากจะเน้นแก้ปัญหาผิวเติมความชุ่มชื้น ลดรอยดำ ผิวใสฉ่ำน้ำ และ รูขุมขนกว้าง มากกว่าการเติมเต็ม และควรเลือกใช้ตัวยาที่ได้มาตรฐานอย.ไทยแบบฉีดโดยตรง เพื่อความปลอดภัย ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงค่ะ
PRP (Platelet Rich Plasma) ถือเป็นสเต็มเซลล์ที่ได้จากเกร็ดเลือด เน้นฟื้นฟูผิว แก้ปัญหาผิวชั้นบน ลดริ้วรอยตื้นๆให้เรียบขึ้น ลดเม็ดสี รอยดำ และแก้ปัญหารอยแผลเป็น เป็นหลักมากกว่าเติมเต็มร่องลึกค่ะ
สรุป
Soft filler เป็นเพียงแค่ชื่อการตลาดเท่านั้น ไม่ได้มีระบุว่าตัวยาที่ชัดเจนคืออะไร หากอยากฉีดเข้าไปใต้ผิวเพื่อเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอยต่างๆ หมอแนะนำเป็นการฉีดฟิลเลอร์ (Filler) ที่ได้มาตรฐานอย.ไทย ชนิด Cross-linked Hyaluronic acid: ไฮยา จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า อยู่ได้นาน สามารถสลายได้เอง และมีความปลอดภัยสูง
