Sculptra เทคโนลียีการบำรุงรักษาผิวแบบใหม่ที่กำลังนิยมในปัจจุบัน เมื่อฉีดแล้วสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลายๆ เรื่อง หากใครที่กำลังสนใจอยากจะฉีด Sculptra บทความนี้เราจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับ Sculptra กันว่าคืออะไร ช่วยเรื่องอะไรบ้าง และควรฉีดดีไหมค่ะ
Sculptra คืออะไร
Sculptra คือ สารประเภท Poly-L-Lactic acid (PLLA) ที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ซึ่งบางคนเรียกว่าไหมน้ำ Sculptra มาจากประเทศอเมริกาผลิตโดยบริษัท Galderma มีความปลอดภัยมากเพราะได้รับการรับรองจากองค์กรอาหาร และยาจากทั้งสหรัฐอเมริกา (USFDA) ยุโรป และไทย
โดย Sculptra 1 ขวดจะมีปริมาณ 10 cc อยู่ในรูปแบบคล้ายกับโบท็อกซ์ เมื่อฉีดจะนำมาผสมกับน้ำกลั่นสเตอร์ไรด์ (Sterile water) แล้วฉีดเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง และชั้นผิวหนังแท้ หลังจากนั้นผิวจะดูดซึมตัวยาเข้าสู่ร่างกาย และเริ่มผลิตคอลลาเจนออกมาให้ผิวดูยกกระชับ ริ้วรอยลดลงได้
Sculptra ดีไหม ช่วยอะไร
Sculptra ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย ฟื้นฟูสภาพผิวจากโครงสร้างภายใน โดยเน้นไปที่การสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 ที่ช่วยเรื่องความยืดหยุ่นของผิว ยกกระชับหน้าไม่ให้หย่อนคล้อย และชนิดที่ 3 ช่วยเรื่องผิวที่ขึ้นใหม่ ซ่อมแซมผิวหนัง
เมื่อคอลลาเจนทั้ง 2 ชนิดนี้ถูกผลิตขึ้นพร้อมกันจะเพิ่มเซลล์ไฟรโบรบลาสก์ที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน เพิ่มความแข็งแรงให้โครงสร้างผิว จากผลการวิจัย Sculptra สามารถสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นถึง 66.5% หลังจากฉีดไปแล้ว 3 เดือน ซึ่ง Sculptra เป็นผลิตภัณฑ์เดียวที่สร้างคอลลาเจนได้สูงสุดในตอนนี้
นอกจากจะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนแล้ว Sculptra ยังสามารถช่วยเรื่องอื่นๆ ได้ดังนี้
- ช่วยยกกระชับใบหน้า แก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย
- ช่วยลดริ้วรอยร่องลึก และตื้นให้จางลง
- ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ลดการเกิดริ้วรอย
- ช่วยเพิ่มความกระจ่างใส ผิวชุ่มชื้นมากขึ้น
- ช่วยให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง
สำหรับคนที่กังวลสงสัยว่าฉีด Sculptra อันตรายไหม ขอบอกเลยว่าการฉีด Sculptra ไม่อันตรายมีการใช้เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1999 และมีงานวิจัยรองรับประสิทธิภาพ ความปลอดภัยมากถึง 50 ฉบับ แต่ยังมีคนที่ไม่ควรฉีด Sculptra
- คนที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรอยู่
- คนที่มีปัญหาผิวหนังติดเชื้อในบริเวณที่จะฉีด
- คนที่มีโรคประจำตัวอย่าง SLE, Autoimmune
- คนที่แพ้ส่วนประกอบของ Sculptra อย่าง Poly-L-lactic acid (PLLA), Non-pyrogenic mannitol, Carboxymethylcellulose (CMC)
Sculptra กับ Filler ต่างกันอย่างไร
Sculptra กับ Filler ค่อนข้างแตกต่างกันเพราะทั้ง 2 ตัวเน้นการรักษาที่ต่างกัน สำหรับ Sculptra จะเน้นไปที่การกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยให้ผิวยกกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ถึงแม้หลังฉีดจะไม่ได้แสดงผลลัพธ์ทันที ผิวจะค่อยๆ ดีขึ้น และยังต้องฉีดหลายรอบเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนในระยะยาว แต่สามารถอยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์
ส่วนฟิลเลอร์เน้นไปที่การเติมเต็ม สามารถเติมเต็มริ้วรอย ปรับโครงสร้างใบหน้าได้หลายจุด ฉีดเฉพาะในจุดที่ต้องการได้ โดยหลังจากที่ฉีดเพียงแค่ครั้งเดียวก็สามารถเห็นผลลัพธ์ทันที ไม่ต้องรอผลลัพธ์ แต่ระยะเวลาของผลลัพธ์อยู่ได้นานน้อยกว่า Sculptra ค่ะ
Sculptra ฉีดตรงไหนได้บ้าง
Sculptra สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน โดยบริเวณที่มักฉีดเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนมีดังนี้
- ขมับ จะช่วยให้ผิวบริเวณขมับอิ่มฟูขึ้น แก้ปัญหาขมับตอบ และยังช่วยยกหางตา หางคิ้วให้กระชับขึ้น
- หน้าแก้ม จะช่วยให้ผิวบริเวณหน้าแก้มเต่งตึงขึ้น แก้ปัญหาหน้าตอบ ช่วยลดริ้วรอยร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
- กรอบหน้า จะช่วยยกกระชับผิวบริเวณกรอบหน้า ทำให้เห็นกรอบหน้าชัดขึ้น กรอบหน้าไม่หย่อนคล้อย
ขั้นตอนในการฉีด Sculptra
- แปะยาชาทิ้งไว้ 45 นาที เพื่อลดความเจ็บระหว่างทำ
- แพทย์จะเตรียม Sculptra โดยผสมกับน้ำกลั่นปราศจากเชื้อ (Sterile water) และเขย่าเป็นเวลา 1 นาทีเพื่อให้พร้อมใช้งาน จะได้ Sculptra ปริมาณ 10 cc
- ฉีด Sculptra ลงใต้ชั้นลึกประมาณ 1.5 – 2 เซนติเมตร ด้วยเข็มทู่ขนาด 22 – 25 G
- นวดหน้าหลังฉีด Sculptra เสร็จเพื่อให้กระจายตัวได้ดี และกระตุ้นคอลลาเจนอย่างทั่วถึง
ฉีดแล้ว Sculptra อยู่ได้นานเท่าไร
หลังฉีด Sculptra ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี โดยคอลลาเจนจะค่อยๆ เริ่มผลิตใต้ชั้นผิวหลังจากที่ฉีด Sculptra ไปแล้ว 5 วัน และต้องรอประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ถึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงว่าริ้วรอยลดลง ผิวยกกระชับขึ้น
แต่หลังฉีด Sculptra มีข้อเสียเล็กน้อย คือ จะมีอาการบวม ปวดเล็กน้อย และอาการแดงในบริเวณที่ฉีด บางคนอาจคลำพบก้อนใต้ผิว แต่อาการจะดีขึ้นภายใน 2 – 3 วันค่ะ
Sculptra เหมาะกับใคร
- คนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป
- คนที่มีผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ
- มีปัญหาริ้วรอย
- ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
- คนที่ต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน
Sculptra ราคาเท่าไร
ราคาของ Sculptra จะมีราคาแตกต่างกันไปตามแต่ละคลินิก และโปรโมชันในตอนนั้น โดยที่ Patcha Clinic มีราคา Sculptra ดังนี้
- ราคา Sculptra 25,000 บาท ต่อ 1 ขวด (10 cc)
เพื่อความปลอดภัยก่อนฉีด Sculptra ควรเลือกคลินิกให้ดี มีราคาไม่ถูกเกินไป และควรเช็คว่าเป็นของแท้ดังนี้
- ต้องมีสติกเกอร์โมโนแกรมบนกล่อง และไม่เคยถูกเปิดออกมาก่อน
- หน้ากล่องจะมีลายรูปตัว S นูนขึ้นมา
- มีเอกสารกำกับภาษาไทยและเลขทะเบียน อย. ข้างกล่อง
- มี QR code สำหรับสแกนตรวจสอบของแท้ โดยสแกนผ่านแอปพลิเคชัน eZTracker ซึ่งจะมีข้อมูลผู้ผลิต เลขอย. วันหมดอายุ
- ขวด Sculptra จะเป็นแบบสุญญากาศ ในขวดมีลักษณะเป็นผงไม่มีของเหลว
วิธีการดูแลหลังฉีด Sculptra
หลังจากที่ฉีด Sculptra แล้ว ควรประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม งดเว้นการโดนความร้อน การแต่งหน้าบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง และงดการทำหัตถการอื่นๆ หลังฉีดประมาณ 2 – 4 สัปดาห์
และควรนวดหน้าหลังฉีดทันทีเพื่อให้ Sculptra ซึมเข้าผิวได้ดี กระจายอย่างทั่วถึง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยใช้หลักการ Triple 5 นวด โดยนวดครั้งละ 5 นาที วันละ 5 ครั้ง ติดต่อกัน 5 วัน โดยวิธีการนวดจะแบ่งเป็น 4 ขั้นตอนดังนี้
- ขั้นตอนที่ 1 ให้กำมือแล้วยกนิ้วโป้งขึ้น แล้วใช้นิ้วโป้งนวดไปที่บริเวณขมับนวดไปพร้อมกับกำปั้นขึ้นไปเรื่อยๆ จนสุดไปถึงไรผมทางด้านข้างขมับ
- ขั้นตอนที่ 2 ให้ใช้นิ้วโป้งนวดไปบริเวณแก้มแล้วนวดขึ้นไปพร้อมกับกำปั้น นวดวนไปเรื่อยๆ แล้วค่อยๆ เลื่อนจากหน้าแก้มออกไปทางด้านข้างของแก้ม โดยที่ยังนวดอยู่ไม่หยุด
- ขั้นตอนที่ 3 ใช้อุ้งมือหรือกำปั้นค่อยๆ นวดขึ้นไป จากบริเวณแก้มจนถึงโหนกแก้มทำซ้ำไปมาหลายๆ รอบ
- ขั้นตอนที่ 4 ใช้อุ้งมือหรือกำปั้นนวดจากบริเวณคางไปยังกรามค่อยๆ นวดไปเรื่อยๆ ออกไปทางด้านข้างของใบหน้า
สรุป
Sculptra เป็นสาร PLLA ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว สามารถทำให้ผิวหน้าที่หย่อนคล้อยจากการสูญเสียคอลลาเจน กลับมากระชับตึงขึ้นได้ ลดริ้วรอย และทำให้ผิวกระจ่างใสได้ อยู่ได้นานถึง 2 ปี เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ซึมเข้าผิวและกระตุ้นคอลลาเจนได้ดี ควรดูแลใบหน้าหลังจากฉีดให้ดี และควรนวดตามขั้นตอน Triple 5 ติดต่อกัน 5 วัน