“หลายคนอยากจะร้อยไหม แต่กลัวเจ็บมาก เลยไม่ได้มาร้อยสักที…”
ขั้นตอนการร้อยไหม
ทุกๆครั้งก่อนการร้อยไหมจะมีการแปะยาชาแบบทาประมาณ 30 นาทีค่ะ โดยจะมีการทำความสะอาดใบหน้าบริเวณที่จะทำการแปะยาชา หลังจากที่ทำความสะอาดใบหน้าเรียบร้อยแล้ว จะมีการทายาชาบริเวณที่ต้องการร้อยไหม
ยาชาแบบทาจะเป็นการออกฤทธิ์เฉพาะจุดบริเวณชั้นผิวหนังภายนอกช่วยลดความเจ็บปวดขณะร้อยไหมได้ค่ะ ออกฤทธิ์ได้เร็ว ออกฤทธิ์ได้นาน ประมาณ 30 – 45 นาที โดยไม่ระคายเคือง หลังจากครบกำหนดการแปะยาชาแล้วจะทำการเช็ดยาชาด้วยสำลีน้ำเกลือบนหน้าออกจนหมด

หลังจากนั้นจะมีการประคบน้ำแข็งอีกครั้ง เนื่องจากความเย็นจะมีผลช่วยลดความเจ็บปวดขณะจิ้มเข็มขณะทำการฉีดยาชาได้ คนไข้จะรู้สึกสบายมากขึ้นช่วงขณะฉีดยาชาค่ะ
จากนั้นคุณหมอจะฉีดยาชาเข้าชั้นผิวหนัง ตามแนวไหมที่จะทำการร้อยในแต่ละเคส เพื่อระงับอาการปวดในระหว่างการร้อยไหม ยาชาจะออกฤทธิ์เฉพาะจุด ออกฤทธิ์ต่อเส้นประสาทโดยจะไปยับยั้งการกระตุ้นปลายประสาทเพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกชั่วคราว
ในขณะที่ยาชาออกฤทธิ์จะรู้สึกหน่วงๆ ตึงๆ เหมือนโดนกดแต่ไม่รู้สึกเจ็บเลยค่ะ และจะยังคงมีสติ รับรู้แรงกด และการเคลื่อนไหวได้ในขณะที่ทำการร้อยไหม ยาชาแบบฉีดจะออกฤทธิ์ได้นาน 3 – 4 ชั่วโมง บริเวณที่ฉีดอาจมีการบวมของตัวยาเล็กน้อย 1- 2 ชั่วโมงหลังจากนั้นจะค่อยๆสลายไปโดยไม่ตกค้างค่ะ

หลายๆคนที่กังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงทั่วไปที่อาจจะเกิดขึ้นจากการฉีดยาชานั้น ไม่เป็นอันตรายร้ายแรงเลยค่ะ เช่น หนังตาตก ตากระตุก ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด ปากหนักๆ ซึ่งอาการต่างๆ เหล่านี้จะหายได้เองภายใน 4 – 6 ชั่วโมง และที่สำคัญการดื่มน้ำในปริมาณที่เยอะจะช่วยขับฤทธิ์ของยาชาได้เร็วมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
ส่วนอาการบวมช้ำ หลังร้อยไหม สามารถประคบเย็น เพื่อช่วยลดอาการบวมได้ โดยร้อยไหมบวมกี่วันนั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล การเตรียมตัวก่อนร้อยไหม และการดูแลเพื่อช่วยในการลดอาการบวม
ก่อนร้อยไหมเตรียมตัวอย่างไร ?

ก่อนที่จะเข้ามาร้อยไหมนั้น จะต้องมีการเตรียมความพร้อมก่อนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีค่ะเช่น
- สระผมก่อนที่จะมาร้อยไหม เพราะบริเวณขมับจะเป็นทางไหมเข้าจะมีพลาสเตอร์ปิดแผลไว้ให้งดโดนน้ำ 2 วันถึงจะแกะพลาสเตอร์ออกได้และสามารถโดนน้ำได้ปกติเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- หากมีนัดทำฟันให้ทำฟันก่อนมาร้อยไหม เพราะหลังร้อยไหมต้องงดอ้าปากกว้างๆเพื่อไม่ให้ไหมเคลื่อน
- งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 1 วันก่อนมาร้อยไหม เพราะแอลกอฮอล์เป็นสิ่งกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดทำให้เลือดออกง่ายเวลาร้อยไหมจะทำให้เกิดอาการบวมช้ำได้
- งดรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริม Collagen, Vitamin E, Fish oil, ใบแปะก๊วย, โสม, สมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน รวมไปถึงยาทานกลุ่ม NSAIDs เช่น aspirin, ibuprofen ประมาณ 7 วันค่ะ ที่เราควรงดรับประทานวิตามินก่อนร้อยไหมเพราะจะไปกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดเวลาร้อยไหมจะทำให้เลือดไหลเยอะเกิดอาการเขียวบวมช้ำได้มากกว่าปกติ
- แจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนถ้ามียาที่ทานประจำเช่นยาละลายลิ่มเลือดเพราะส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือดทำให้เกิดเลือดไหลไม่หยุด
- แจ้งประวัติการแพ้ยา เช่น แพ้ยาชาแบบฉีด แพ้ยาชาแบบทาเพื่อเป็นการป้องกันและรับมือสำหรับแพทย์และผู้ช่วยแพทย์อาการแพ้ยาต่างๆแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนทุกครั้งนะคะ
หลังร้อยไหมดูแลอย่างไร ?

การดูแลตัวเองหลังการร้อยไหมเป็นอีกปัจจัยสำคัญเพื่อที่จะให้การร้อยไหมนั้นได้ผลลัพธ์ที่ดี ให้ไหมยกกระชับอยู่ได้นาน และสวยอย่างที่ใจต้องการ
- หลังทำเสร็จประคบเย็นบริเวณที่ร้อยไหมเพื่อลดอาการเขียวบวมช้ำ
- งดโดนน้ำตรงแผลบริเวณรูเปิดไหม 2 วัน ซึ่งจะมีพลาสเตอร์ปิดไว้ ส่วนบริเวณอื่นสามารถโดนน้ำได้
- งดออกกำลังกายหนักๆ 2 – 4 สัปดาห์เพราะอาจจะทำให้ไหมเคลื่อนได้
- งดโดนความร้อน 4 สัปดาห์เช่นการทำเลเซอร์ อบไอน้ำ อบซาวน่า เพราะจะทำให้ไหมที่ยังไม่เข้าที่ละลายเร็วเกินไปหน้าจะยกกระชับอยู่ได้ไม่นาน
- งดทำฟันไปก่อน 4 สัปดาห์ หลังร้อยไหมเพราะการอ้าปากกว้างๆจะทำให้ไหมเคลื่อนได้
- งดแอลกอฮอล์ ของหมักของดอง อาหารรสจัด 1- 2 สัปดาห์เพื่อไม่ให้หน้าบวมและยังทำให้ผิวหลังร้อยไหมซ่อมแซมได้ช้า
- งดกดนวดคลึงบริเวณใบหน้า 4 สัปดาห์เพราะจะทำให้ไหมในชั้นผิวเคลื่อนได้และผิวหน้าจะกลับมาหย่อนคล้อย
- งดแต่งหน้า 24 ชั่วโมงเพราะต้องให้รูเข็มเล็กๆปิดให้สนิทก่อน จะลดการติดเชื้อได้และให้ทาครีมแบบเบามือลูบขึ้น
- สามารถทานพวกคอลลาเจน วิตามินที่ทานเป็นประจำ น้ำมะพร้าวสด น้ำฟักทอง น้ำใบบัวบก เพื่อให้ผิวหลังร้อยไหมซ่อมแซมได้ไวขึ้น รอยริ้วไหมคลื่นไหมก็จะหายได้ไว
- รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์การร้อยไหมที่ดี
ข้อดีข้อเสียของการร้อยไหม

ข้อดีของการร้อยไหม
- ร้อยไหมช่วยยกกระชับใบหน้าได้อย่างตรงจุด
- เห็นผลทันทีหลังทำ
- ช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
- ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว
- ไม่เจ็บไม่ทิ้งแผลไม่ต้องพักฟื้น
- การร้อยไหมมีความปลอดภัยสูงสามารถสลายได้เองไม่ทิ้งสารตกค้าง
- ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น

ข้อเสียของการร้อยไหม
- เนื่องจากเส้นไหมสามารถสลายได้เองตามกลไกของธรรมชาติจึงส่งผลสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวยกกระชับได้นานจำเป็นต้องร้อยไหมซ้ำเพื่อให้ผิวยกกระชับได้นานมากยิ่งขึ้น
- ในส่วนของการวางตำแหน่งของเส้นไหม หากวางในชั้นผิวที่ตื้นเกินไปจะส่งผลเสียทำให้เกิดคลื่นไหมหรือริ้วไหมได้ทำให้เกิดความวิตกกังวลสำหรับผู้ที่ร้อยไหมเอง
- การร้อยไหมที่ทับซ้อนกันเยอะๆ ในชั้นผิวที่ตื้นมากหรือร้อยไหมบ่อยจนเกินไป อาจจะเกิดผังผืดใต้ชั้นผิวเกิดการตึงรั้งทำให้ผิวไม่เรียบ ใบหน้าผิดรูปได้ การร้อยไหมจึงจำเป็น ต้องทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

หลังร้อยไหมทำไมถึงหน้าบวมขึ้น ?
หลังจากการร้อยไหม หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมใบหน้าถึงดูบวมขึ้น การบวมหลังการร้อยไหม เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ยกตัวอย่างเช่น
- การเลือกใช้เข็มปลายแหลมในการร้อยไหม จะทำให้ชั้นผิวเกิดการบาดเจ็บได้ง่าย
- มีไขมันบนใบหน้าค่อนข้างเยอะ การร้อยไหมจะเป็นการ ย้ายตำแหน่งของเนื้อและไขมันเพื่อยกกระชับขึ้น ทำให้ ผู้ที่มีไขมันบนใบหน้าค่อนข้างเยอะหลังร้อยไหมไปจะทำให้ใบหน้าดูเต็มจนเกินไป
- การบวมของตัวยาชา หลังการร้อยไหมทันที จะมีการบวมยาชาได้ ประมาณ 3-4 ชั่วโมง หลังจากนั้น อาการจะค่อยๆหายไปได้เอง
- การบวมจากแผลใต้ชั้นผิว อาจมีอาการบวมได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์แรกหลังจากนั้น อาการบวมใต้ชั้นผิว จะค่อยๆดีขึ้น ในช่วงแรกสามารถประคบเย็นและทานยาเพื่อช่วยลดอาการบวมได้
- บวมจากการอักเสบ การติดเชื้อ หากมีอาการปวด บวม แดง ต้องรีบกลับมาพบแพทย์เพื่อดูอาการ

สรุป
การร้อยไหม ถือเป็นหัตถการที่ช่วยยกกระชับใบหน้า แก้ไขปัญหาที่หย่อนคล้อย สร้างความสมดุลให้กับใบหน้า เป็นวิธีที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด เห็นผลทันทีหลังทำ และจำนวนเส้นของการร้อยไหมนั้นจะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ซึ่งแพทย์จะมีการแนะนำก่อนทำทุกครั้ง
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของแต่ละเคส ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถร้อยไหมได้ ก่อนจะทำหัตถการนั้นจะต้องศึกษาข้อมูลข้างต้นให้ดีก่อน เนื่องจากการร้อยไหมนั้นก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแต่ละเคสแต่ละบุคคล ดังนั้นก่อนทำหัตถการจึงจำเป็นที่จะต้องปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อประเมินและวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ ก่อนการทำทุกครั้ง
