ปัญหาใต้ตาคล้ำกวนใจ ทำให้ใบหน้าดูโทรมไม่สดใส เกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งการแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำก็มีหลายวิธีด้วยกัน เช่น การพักผ่อน ทาครีมบำรุง ไปจนถึงฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บทความนี้หมอจะเขียนถึงสาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดใต้ตาคล้ำ พร้อมวิธีแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด รวมถึงการป้องกันใต้ตาคล้ำในอนาคต
ใต้ตาคล้ำเกิดจากอะไร ?
สาเหตุของการเกิดปัญหาใต้ตาคล้ำ (Dark circles under eyes) ที่หลายคนกังวล มีหลากหลายสาเหตุ ดังนี้
-
กรรมพันธุ์
หากมีสมาชิกในครอบครัวมีปัญหาใต้ตาคล้ำ ไม่ว่าจะเป็นคุณปู่ ย่า ตา ยาย หรือคุณพ่อ คุณแม่ เราสามารถที่จะมีใต้ตาคล้ำได้ แต่พบได้น้อยแทบไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์
-
ภาวะเครียด
ปัจจุบันพบได้บ่อยมากขึ้น เนื่องจากคนเรามีภาวะเครียดที่มากขึ้นจากการทำงานหนักเกินไป นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ รับประทานทานแป้งมากเกินไป
ทำให้เกิดการเสียสมดุลไประหว่างระดับออกซิเจน (O2) และคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในเลือด โดยมีระดับของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่สูงขึ้นในเลือด ส่งผลให้สีของเลือดมีสีที่ดำเข้มกว่าปกติ ผิวบริเวณใต้ตาจึงดูคล้ำขึ้น
-
ผิวหนังบางลงตามวัย
เมื่ออายุมากขึ้นชั้นผิวหนังบางลงและชั้นไขมันที่หายไปรวมถึงผิวบริเวณใต้ตา ทำให้เราเห็นสีของหลอดเลือดและกล้ามเนื้อบริเวณใต้ตาที่ชัดมากขึ้น ส่งผลให้ใต้ตาดูคล้ำกว่าช่วงวัยที่มีอายุน้อยกว่า
-
โรคภูมิแพ้
เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้พบว่าทำไมในเด็กเล็กๆ หลายๆ คนจึงมีใต้ตาที่คล้ำ เนื่องจากเมื่อเป็นโรคภูมิแพ้จะมีอาการคันบริเวณรอบดวงตา ดังนั้นเวลาที่ขยี้ตาจะทำให้หลอดเลือดดำบริเวณใต้ตาแตกตัวออก ส่งผลให้มีสีที่เข้มขึ้น รวมไปถึงมีการสร้างเม็ดสีที่เพิ่มมากขึ้นจากการบาดเจ็บของผิวหลังการขยี้ตา
-
ปานแต่กำเนิดชนิดปานโอตะ
ปานแต่กำเนิดชนิดปานโอตะจะพบได้ตั้งแต่ในเด็กแต่ผิวจะมีสีดำรอบดวงตา ไปจนถึงบริเวณแก้ม และหน้าผากด้วย
ภาพปานโอตะจาก : indianpediatrics.net/june2014/june-510.htm
วิธีป้องกันไม่ให้ใต้ตาคล้ำ ?
บางสาเหตุของการเกิดปัญหาใต้ตาคล้ำเราสามารถป้องกันได้ดังนี้
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
- งดการสูบบุหรี่ งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- ดื่มน้ำวันละ 1-1.5 ลิตร เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารที่มีไขมันสูงหรืออาหารที่มีน้ำตาลสูง
- บำรุงผิวบริเวณรอบดวงตา ทา eye cream เพื่อให้ผิวรอบดวงตาชุ่มชื้น
- เพิ่มการไหลเวียนของเลือดบริเวณใต้ตา ด้วยการประคบอุ่น นวดกดจุดกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
- งดการสัมผัสและเสียดสีผิวบริเวณใต้ตาแรง
รอยคล้ำใต้ตารักษาอย่างไรได้บ้าง ?
การรักษาใต้ตาคล้ำหมอของแยกตามสาเหตุ เนื่องจากในบางสาเหตุสามารถรักษาได้ หรือมีการรักษาที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
-
กรรมพันธุ์
ค่อนข้างรักษาได้ยากเนื่องจากอยู่ในกรรมพันธุ์ของเราเอง แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนพันธุกรรมในรุ่นลูกของเราได้ โดยเลือกสามีหรือภรรยาที่ไม่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ
-
ภาวะเครียด
หมอแนะนำให้นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ งดอาหารที่มีน้ำตาลสูง เมื่อร่างกายไม่อยู่ในภาวะเครียดใต้ตาที่คล้ำจะดูดีขึ้น
-
ผิวหนังและไขมันบางลงตามวัย
สาเหตุนี้เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นและห้ามไม่ได้ ดังนั้นการรักษาคือการใช้สารเติมเต็มเข้าไปเติมเต็มชั้นไขมันที่หายไป ทำให้มีช่องว่างระหว่างชั้นผิวหนังและกล้ามเนื้อ-เส้นเลือดมากขึ้น ส่งผลให้เห็นสีของกล้ามเนื้อและเส้นเลือดลดลง ใต้ตาจึงดูสว่างขึ้น
-
โรคภูมิแพ้
หมอแนะนำให้ควบคุมอาการของโรคภูมิแพ้ให้ดี กระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกาย หลีกเลี่ยงสิ่งที่เราแพ้ งดการขยี้บริเวณรอบดวงตาจะช่วยให้ใต้ตาที่คล้ำดูดีขึ้น
และสามารถใช้เลเซอร์ช่วยลดเม็ดสีกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น เช่น Q-switch laser, Picosecond laser เป็นต้น
-
ภาวะปานแต่กำเนิด
รักษาด้วยการผ่าตัดหรือการทำเลเซอร์
ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำได้อย่างไร ?
ฟิลเลอร์หรือสารไฮยารูโลนิก คือสารเติมเต็มที่เข้าไปเติมเต็มในส่วนที่หายไป โดยสำหรับปัญหาใต้ตาคล้ำ ฟิลเลอร์จะเข้าไปเพิ่มปริมาณในชั้นไขมัน ทำให้มีระยะห่างระหว่างชั้นผิวหนังกับหลอดเลือดและกล้ามเนื้อที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เห็นสีของหลอดเลือดและกล้ามเนื้อลดลง
รวมถึงโมเลกุลของฟิลเลอร์สารไฮยารูโลนิกเป็นโมเลกุลที่ใส ดังนั้นเมื่อเติมไปใต้ชั้นผิวจะเกิดการกระเจิงของแสงที่มากขึ้น ทำให้เราเห็นสีที่จางลงของบริเวณใต้ตา
ซึ่งฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับการเติมบริเวณนี้จะเป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อเจลบางเบากลืนกับชั้นผิวได้ดี รวมถึงการเติมฟิลเลอร์ใต้ตาวิธีนี้เป็นการเติมในชั้นตื้นจะต้องใช้ปริมาณที่พอเหมาะไม่มากจนเกินไป เพื่อไม่ให้ใต้ตาดูเป็นก้อน
สรุป
ปัญหาใต้ตาคล้ำเกิดจากหลากหลายสาเหตุ ดังนั้นควรรักษาให้ตรงตามสาเหตุเพื่อให้เห็นผลลัพธ์มากที่สุด ในส่วนของการฉีดฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิก เป็นการเติมเต็มในชั้นไขมันที่หายไปที่เป็นเหตุมาจากช่วงวัยที่เพิ่มมากขึ้น โดยจะเพิ่มพื้นที่ระหว่างชั้นผิวกับกล้ามเนื้อและหลอดเลือด ทำให้เห็นสีของกล้ามเนื้อและหลอดเลือดชัดลง ผิวบริเวณใต้ตาจึงสว่างและสดใสมากขึ้น
สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างฟิลเลอร์ไม่สามารถไปลดเม็ดสีเมลานินได้จึงต้องมีการทำเลเซอร์ลดเม็ดสีร่วมด้วยในคนที่ใต้ตาดำคล้ำจากเม็ดสีที่มาก สุดท้ายนี้เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดใต้ตาคล้ำได้ในบางสาเหตุ และสามารถลดความคล้ำได้เองอย่างง่ายโดยเริ่มจากการดูแลตัวเองให้ดีค่ะ