การเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี ขึ้นอยู่กับปัญหาใต้ตาของแต่ละคน โดยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นมีการแบ่งฉีดเป็นชั้นลึก ชั้นตื้นเพื่อให้ไม่เป็นก้อน และไม่เคลื่อนที่ไปจุดอื่นหลังจากฉีด ทำให้ยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละชั้นไม่เหมือนกัน และมีราคาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต่างกันไปค่ะ
ฟิลเลอร์ใต้ตาเลือกฉีดอย่างไร
การเติมฟิลเลอร์ใต้ตาต้องแก้ปัญหาตามสาเหตุที่มี เช่นใต้ตาบึกจากโครงสร้างกระดูกและไขมันบริเวณใต้ตาฝ่อตัวลง หรือมีปัญหาริ้วรอยร่องลึกใต้ตา ซึ่งขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตานั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ
การแก้ไขใต้ตาชั้นลึก
ใช้ “ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง” เพื่อไปซัพพอร์ตโครงสร้างด้านใต้ที่ยุบตัวลงไปตามกาลเวลา (Aging process) ที่ทำให้เกิดชั้นตาลึกหรือมีถุงใต้ตาหย่อนคล้อยก่อน
โดยจะฉีดเข้าไปที่แนวกระดูกเบ้าตา เส้นเอ็นที่ยึดบริเวณใต้ตา ไขมันชั้นลึกช่วงหน้าแก้มและใต้ตา เพื่อพยุงให้เกิดความกระชับ ใต้ตาเต็มขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถแก้ปัญหาตาโบ๋ เบ้าตาลึก และ ถุงใต้ตาให้ดูดีขึ้น
การแก้ไขใต้ตาชั้นตื้น
ใช้ “ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม” เพื่อเติมเต็มร่องใต้ตาและลดริ้วรอยในผิวชั้นบน สำหรับเก็บรายละเอียดหลังเติมฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นลึก
โดยจะฉีดเข้าไปในไขมันใต้ตาชั้นตื้นใต้ผิวหนัง เพื่อแก้ไขริ้วรอยเล็กๆ ร่องลึกที่ต้องการเก็บรายละเอียด หลังจากฉีดใต้ตาชั้นลึก สามารถฉีดเพียงชั้นตื้นอย่างเดียวได้ถ้าหากไม่ได้มีปัญหาใต้ตาที่ลึกมาก แต่การวางฟิลเลอร์ในตำแหน่งนี้ จะวางเหนือกล้ามเนื้อใต้ตา ถ้าเติมเยอะจนเกินไปทำฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนได้
ภาพ Tyndall effect : themanseclinic.com
อีกปัญหาหนึ่งคือ Tyndall effect คือการฉีดฟิลเลอร์ตื้นจนเกินไปทำให้ผิวใต้ตาบริเวณนั้นดูเป็นรอยคล้ำขึ้นซึ่งสอดคล้องกับการกระเจิงของแสงทำให้เห็นผิวบริเวณที่มีฟิลเลอร์ดูคล้ำขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี
สำหรับยี่ห้อ และรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสมในการเติมเต็มบริเวณใต้ตา จะเป็นการเติมฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นลึก และการเติมฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นตื้น โดยที่ Patcha clinic มีดังนี้
ยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นลึก
1. Juvederm
-
Juvederm Voluma เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าแก้มทรุดร่วมกับใต้ตาลึกหรือถุงใต้ตา ใช้ฉีดปรับฐานช่วงหน้าแก้มชั้นกระดูก หรือไขมันชั้นลึก มีเนื้อแข็งที่สุดของยี่ห้อนี้ แต่กลืนกับผิวไว ถ้าเทียบกับยี่ห้ออื่นอยู่ได้นานประมาณ 18 – 24 เดือน
-
Juvederm Volift เหมาะสำหรับผู้ที่มีเบ้าตาโบ๋ ถุงใต้ตาหย่อน ใช้เติมบริเวณไขมันใต้ตาชั้นลึก มีเนื้อเนียน หลังฉีดดูเป็นธรรมชาติไม่เป็นก้อน อยู่ได้นานประมาณ 12 – 18 เดือน
- Juvederm Vobella ใช้เติมตามแนวเส้นเอ็นแถวกระดูกเบ้าตา แต่ควรเติมหลังจากที่ปรับโครงสร้างใต้ตาชั้นลึกแล้ว เป็นการเก็บรายละเอียดแทนวิธีการฉีดใต้ตาชั้นตื้น สำหรับผู้ที่กลัวใต้ตาเป็นก้อน อยู่ได้นานประมาณ 8 – 12 เดือน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ Juvederm
2. Restylane
- Restylane Lyft เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าแก้มทรุดร่วมกับใต้ตาลึกหรือถุงใต้ตา ใช้ฉีดปรับฐานช่วงหน้าแก้มในชั้นกระดูก ไขมันชั้นลึก และไขมันใต้ตาชั้นลึก มีเนื้อแข็งที่สุดของยี่ห้อนี้ ขึ้นทรงได้ดี ยกกระชับได้ดี อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
- Restylane Defyne เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าแก้มทรุดร่วมกับใต้ตาลึกหรือถุงใต้ตา ใช้ฉีดปรับฐานช่วงหน้าแก้มในชั้นกระดูก ไขมันชั้นลึก และไขมันใต้ตาชั้นลึก ใช้แทน Lyft ในผู้ที่มีผิวบางเนื่องจากกลืนกับผิวได้ดีกว่า แต่เนื้อฟิลเลอร์จะไม่ได้ขึ้นรูปเท่า อยู่ได้นานประมาณ 12 – 18 เดือน
- Restylane Volyme เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าแก้มทรุดร่วมกับใต้ตาลึกหรือถุงใต้ตาฉีดปรับฐานช่วงหน้าแก้มในชั้นกระดูก ไขมันชั้นลึก และไขมันใต้ตาชั้นลึก เน้นการเติมเต็ม ไม่ได้เน้นยกกระชับ อยู่ได้นานประมาณ 12 – 18 เดือน
- Restylane Classic เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบาง ใช้ฉีดปรับฐานช่วงไขมันใต้ตาชั้นลึก มีเนื้อแข็งปานกลาง ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน ช่วยยกกระชับ อยู่ได้นานประมาณ 8 – 12 เดือน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ Restylane
3. e.p.t.q.
- e.p.t.q S100 ใช้ฉีดปรับฐานช่วงไขมันใต้ตาชั้นลึก และตามแนวเส้นเอ็นแถวกระดูกเบ้าตา มีเนื้อฟูมาก จึงควรเติมน้อยๆ เผื่อการฟูของเนื้อฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นก้อน อยู่ได้นานประมาณ 6 – 8 เดือน
- e.p.t.q S500 เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าแก้มทรุดร่วมกับปัญหาถุงใต้ตาหย่อนคล้อย ใช้ฉีดปรับฐานช่วงหน้าแก้มในชั้นกระดูก หรือไขมันชั้นลึก เน้นการยกกระชับ อยู่ได้นานประมาณ 8 – 12 เดือน
- Restylane Vital Light เป็นตัวเดียวที่เหมาะกับการเติมใต้ตาชั้นตื้น ใช้เติมชั้นไขมันชั้นบน เป็นเนื้อเจลเบาบาง นิ่มเนียนกับผิว ไม่เป็นก้อนหลังฉีด อยู่ได้นานประมาณ 6 – 8 เดือน
ราคาฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละยี่ห้อ
ราคาฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Restylane
- Restylane Vital Light – ราคา 10,900.-/cc (ราคาปกติ 15,900.-/cc)
- Restylane Classic – ราคา 10,900.-/cc (ราคาปกติ 14,900.-/cc)
- Restylane Lyft – ราคา10,900.-/cc (ราคาปกติ 17,900.-/cc)
- Restylane Defyne – ราคา 10,900.-/cc (ราคาปกติ 18,900.-/cc)
- Restylane Volyme – ราคา 10,900.-/cc (ราคาปกติ 18,900.-/cc)
ราคาฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Juvederm
- Juvederm Vobella – ราคา 12,900.-/cc (ราคาปกติ 18,900.-/cc)
- Juvederm Volift – ราคา 12,900.-/cc (ราคาปกติ 18,900.-/cc)
- Juvederm Voluma– ราคา 12,900.-/cc (ราคาปกติ 18,900.-/cc)
ราคาฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ e.p.t.q.
- e.p.t.q. S100 – 7,900.-/cc (ราคาปกติ 9,900.-/cc)
- e.p.t.q. S500 – 7,900.-/cc (ราคาปกติ 9,900.-/cc)
สรุป
เลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดีนั้นสามารถใช้ได้ทั้งเนื้อนิ่ม และเนื้อแข็ง สำหรับเนื้อแข็งจะใช้ปรับโครงสร้างใต้ตาชั้นลึก แก้ไขปัญหาคนที่กระดูกใต้ตาทรุด หน้าแก้มแบน ส่วนเนื้อนิ่มจะเป็นการใช้เพื่อเก็บรายละเอียดหลังจากเติมใต้ตาชั้นลึกแล้ว หรือใช้เติมสำหรับคนที่ไม่ได้มีปัญหาโครงสร้างมีเพียงปัญหาริ้วรอยใต้ตาเท่านั้นค่ะ