ปัจจุบันหลายคนไม่อยากฉีดฟิลเลอร์เนื่องจากปัญหาฉีดแล้วหน้าล้นเป็นก้อน จึงหาอะไรหลายๆอย่างเพื่อมาทดแทน การฉีดคอลลาเจนสดจึงเป็นคำตอบ เพราะเราสามารถได้ผลลัพธ์จากการเติมเต็มและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ในเวลาเดียวกัน TheraFill Atelocollagen เป็นหนึ่งในคอลลาเจนที่ได้รับมาตรฐานอย.ในการฉีดเติมเต็มเข้าใบหน้า มีความปลอดภัยสูง โอกาสการแพ้ต่ำมาก ในบทความนี้หมออยากแนะนำให้หลายๆท่านเข้าใจถึงการฉีดคอลลาเจนสดตัวนี้ว่ามีจุดเด่นอะไร แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ต่างกับการฉีดคอลลาเจนและการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนหรือไหมน้ำอย่างไรค่ะ
สารบัญ
- TheraFill คืออะไร
- ฉีด TheraFill ช่วยอะไรได้บ้าง
- TheraFill ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน และอยู่ได้นานเท่าไหร่
- Therafill บวมไหม เห็นผลเมื่อไร
- Therafill ต่างจากการฉีดคอลลาเจนสดยี่ห้ออื่นอย่างไร
- TheraFill ต่างจากการฉีดฟิลเลอร์อย่างไร
- TheraFill ต่างจากสารกระตุ้นคอลลาเจนอย่างไร
- TheraFill ราคาเท่าไร
- สรุปจุดเด่นของ TheraFill Collagen
TheraFill คืออะไร
TheraFill คือสารเติมเต็มคอลลาเจนชนิดฉีด (Injectable Atelocollagen Filler) ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไข ร่องลึก ริ้วรอย หลุมสิว รูขุมขนและ เพิ่มปริมาณคอลลาเจนในผิว จากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นคอลลาเจนบริสุทธิ์สูงจากหนังหมู มีลักษณะดีเอ็นเอคล้ายคลึงกับผิวมนุษย์ และผ่านการกำจัดส่วนที่ก่อภูมิแพ้ออก (Telopeptide) เป็นส่วนปลายของสายคอลลาเจนซึ่งเป็นจุดเด่นทำให้สามารถฉีดเข้าสู่ผิวได้อย่างปลอดภัย ไม่กระตุ้นภูมิคุ้มกัน มีโอกาสก่อให้เกิดการแพ้น้อยมาก และไม่ต้องทดสอบอาการแพ้ก่อนฉีด
Therafill ผลิตโดยบริษัท CELLONTECH ประเทศเกาหลีใต้ ผู้นำด้านคอลลาเจนทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก KFDA (Korea FDA), CE (ยุโรป) และ U.S. FDA (อเมริกา) รวมทั้งยังเป็นผู้ผลิตคอลลาเจนสำหรับงานเวชศาสตร์ฟื้นฟูระดับโลก เช่นกระดูกอ่อน เอ็น และผิวหนัง
Therafill บรรจุมาในกล่องสีขาวฟ้าคล้ายฟิลเลอร์ ในแต่ละกล่องจะมี syringe ที่ใส่ตัวเจลคอลลาเจนอยู่ ด้านในมีปริมาตร 1 ซีซี และมียาชาผสมในตัวคอลลาเจนเลย ทำให้ไม่เจ็บตอนฉีด
ฉีด TheraFill ช่วยอะไรได้บ้าง
Therafill มีคุณสมบัติทั้ง “เติมเต็มร่องลึก” และ “ฟื้นฟูผิวจากภายใน” เพราะคอลลาเจนใน Therafill จะค่อยๆ สร้างโครงข่ายใหม่ใต้ผิว (Collagen Scaffold) ทำให้ผิวฟูแข็งแรงขึ้น รวมถึงเพิ่มปริมาณคอลลาเจนในผิวจากตัว therafill เอง และยังกระตุ้นการสร้างใหม่ ซึ่งถือเป็นหัตถการที่เพิ่มปริมาณคอลลาเจนในผิวได้ค่อนข้างดี เห็นผลไวกว่าการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน
Therafill collagen ช่วยได้หลายปัญหาผิว ได้แก่
- เติมเต็มร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว และหางตา
- แก้มตอบ ใต้ตาลึก ทำให้ใบหน้าดูอิ่มฟู
- หลุมสิว แผลเป็น
- ปรับความเรียบเนียนของผิว ลดรูขุมขน
- เพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว
Therafill ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน และอยู่ได้นานเท่าไหร่
การฉีด therafill คือการเติมคอลลาเจน และ กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ดังนั้นจำนวนครั้งที่ฉีดจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล แต่เบื้องต้นหมอแนะนำดังนี้
“ฉีดติดกัน 2-3 ครั้ง ตามปัญหา แต่ละครั้งห่างกัน 1 เดือน” และผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6–12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังฉีด แนะนำ ฉีดซ้ำปีละ 1 ครั้ง เพื่อคงความฟูแน่นของผิว
Therafill ต่างจากการฉีดคอลลาเจนสดยี่ห้ออื่นอย่างไร
• ผลิตจาก คอลลาเจนบริสุทธิ์ระดับการแพทย์ (Medical-Grade Atelocollagen)
• ผ่านกระบวนการผลิต 9 ขั้นตอน เพื่อขจัดสิ่งเจือปนและสารก่อภูมิแพ้
• มีขนาดอนุภาคเล็กกว่า 0.45 ไมครอน → ปลอดภัย ไม่เสี่ยงอุดตันหลอดเลือด
• ปราศจากสาร Crosslinking และ Endotoxin
• ผ่านการทดสอบทางคลินิกและพิสูจน์ว่ามี Biocompatibility สูงสุด
• ได้รับการรับรองเป็น เครื่องมือแพทย์ Class IV (Rule 13) – ระดับความปลอดภัยสูงสุดในหมวดสารฉีด
TheraFill ต่างจากการฉีดฟิลเลอร์อย่างไร
เราอาจสงสัยว่าเราจะเลือกใช้ Therafill กับ Filler อย่างไร หมอแนะนำว่าหากเน้นแก้ปัญหาริ้วรอยบนผิว เติมเต็มในบริเวณที่ผิวบาง เช่น ใต้ตาชั้นตื้น โดยไม่ต้องการวอลลุ่มเยอะแนะนำ Therafill ค่ะ แต่หากเน้นการปรับรูปหน้า ขึ้นทรง สร้างโครงสร้างพยุงยกกระชับผิว เติมเต็มร่องลึก แนะนำการฉีดฟิลเลอร์ค่ะ

