ฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล แต่ละจุดใช้เวลากี่วัน

หลังฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล กี่วันเห็นความเปลี่ยนแปลง? เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยเพราะการฉีดโบท็อกซ์นั้นจะไม่ได้ให้ผลลัพธ์ทันทีหลังทำ โดยจะต้องรอประมาณ 2-4 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่เราฉีดโบท็อกซ์ด้วยค่ะ

โบท็อกซ์กี่วันเห็นผล ?

ระยะเวลาในการเห็นผล และการอยู่ได้นานของโบท็อกซ์นั้น มีปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้องด้วยกันหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความบริสุทธิ์ของตัวยาที่แตกต่างกันในแต่ละแบรนด์ที่เลือกใช้ เนื่องด้วยฐานการผลิตของแต่ละแบรนด์ต่างกัน

ตำแหน่งที่ฉีดขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการรักษาของคนไข้แต่ละบุคคล ความเหมาะสมของโดสยาที่ฉีด การดื้อยา รวมไปถึงการดูแลและการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล ซึ่งบางคนอาจเห็นผลได้ช้าและทำให้เกิดความกังวลได้ 

โบท็อกซ์กี่วันเห็นผล
  • การฉีดเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อกราม จะเริ่มเห็นผลเต็มที่ประมาณ 4-6 สัปดาห์หลังฉีด โดยกล้ามเนื้อบริเวณนั้นจะค่อยๆนิ่มและเล็กลง สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามกี่วันเห็นผล
  • การฉีดลดริ้วรอย จะเริ่มรู้สึกตึงๆ หลังฉีดประมาณ 3-7 วัน และจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังฉีด
  • การฉีดเพื่อลิฟท์หน้าจะเริ่มเห็นผลเต็มที่ประมาณ 2-4 สัปดาห์ หลังฉีด
  • การฉีดเพื่อลดเหงื่อ จะเห็นผลประมาณ 2-4 สัปดาห์ หลังฉีด

ระยะเวลาที่เห็นผลต่างกันนั้น เนื่องจากการฉีดรักษาตำแหน่งที่ต่างกัน ขนาดกล้ามเนื้อที่ต่างกัน เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลา ถึงแม้ว่ากลไกของโบท็อกซ์นั้นจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาททำให้กล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงและขยับได้น้อยลงตรงบริเวณที่ฉีดเหมือนกันก็ตาม

ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์ของโบท็อกซ์

1. ตำแหน่งที่ฉีด

ขนาดของกล้ามเนื้อแต่ละบริเวณที่ไม่เท่ากันเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อระยะเวลาในการเห็นผลหลังฉีดได้ และในแต่ละบุคคลก็มีปัญหาขนาดกล้ามเนื้อที่แตกต่างกันออกไป

การฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย บริเวณหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว รอยตีนกาที่เกิดจากการแสดงสีหน้า จะเริ่มเห็นผลประมาณ 3-7 วันหลังฉีด

โดยโบท็อกซ์จะออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นทำงานและขยับได้น้อยลง ทำให้ริ้วรอยดูลดลง ดูอ่อนกว่าวัย สาเหตุที่การฉีดลดริ้วรอยเห็นผลไวเนื่องจากมัดกล้ามเนื้อตรงนี้มีขนาดที่เล็ก ส่งผลให้กลไกออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์เห็นผลได้ไว

การฉีดโบท็อกซ์กราม เพื่อลดกล้ามเนื้อกราม จะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 4-6 สัปดาห์หลังฉีด

โดยกลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์จะช่วยให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง สาเหตุที่ระยะเวลาเห็นผลต่างกัน เป็นเพราะบริเวณกรามใช้งานค่อนข้างหนัก เกิดจากการเคี้ยวอาหาร การใช้ชีวิตประจำวัน และบางคนมีขนาดที่เล็กใหญ่ไม่เท่ากัน จึงทำให้ระยะเวลาที่เห็นผลในละคนต่างกันออกไป

การฉีดโบท็อกซ์ลิฟท์หน้า เพื่อลิฟท์บริเวณกรอบหน้า จะเห็นผลที่ประมาณ 2-4 สัปดาห์

ทั้งนี้ระยะเวลาที่เห็นผลจะต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับผิวที่ไม่กระชับในแต่ละบุคคล การฉีดโบท็อกซ์ลิฟท์หน้าจะออกฤทธิ์ต่อเซลล์ผิวหนังให้หดตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เป็นการฉีดเพื่อให้ผิวดูกระชับ กรอบหน้าดูชัดขึ้น ดูคมขึ้น

การฉีดโบท็อกซ์ลดเหงื่อ โบท็อกซ์รักแร้ จะเริ่มเห็นผลที่ประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังฉีด

ระยะเวลาจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด และ การทำงานของต่อมเหงื่อในแต่ละบุคคล บริเวณการฉีดลดเหงื่อที่นิยม คือ รักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ซึ่งการทำงานของโบท็อกซ์จะไปลดการทำงานของต่อมเหงื่อ

2. โดสยา

จำนวนโดสยาหรือยูนิตของโบท็อกซ์ที่ใช้ในแต่ละบริเวณนั้นมีข้อจำกัด เนื่องจากหากใช้จำนวนโดสยาที่มากเกินไปอาจจะเกิดการกระจายไปกล้ามเนื้ออื่นที่ไม่ต้องการและผลลัพธ์ที่ได้จะแข็งไม่เป็นธรรมชาติได้ หากน้อยเกินไปจะทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ในการใช้โดสยานี้แพทย์จึงจะประเมินจากปัญหาในแต่ละบริเวณของคนไข้แต่ละคน

โดยแต่ละบริเวณที่นิยมฉีดโบท็อกซ์ไม่ควรใช้โดสยาเกินดังนี้

  • กราม โดสยาที่ใช้ไม่ควรเกินปริมาณข้างละ 30-50 ยูนิต ในคนที่มีก้อนกล้ามเนื้อที่ใหญ่มากๆแพทย์จะประเมินใช้จำนวนโดสยาให้เหมาะสม เพราะถ้าฉีดมากเกินไปจะทำให้แก้มดูตอบ โหนกแก้มดูสูง และยิ้มแข็งๆ ได้ ดังนั้นแพทย์จำเป็นจะต้องประเมินการใช้โดสยา ให้เหมาะสมในแต่ละเคส
  • หน้าผาก โดสยาที่ใช้จะไม่ควรเกินปริมาณ 15-20 ยูนิต เพราะหน้าผากเป็นส่วนแสดงสีหน้าอารมณ์จะทำให้ดูแข็งไม่เป็นธรรมชาติ และหนังตาตกได้
  • ระหว่างคิ้ว โดสยาที่ใช้ไม่ควรเกินประมาณ 6-15 ยูนิต เพราะระหว่างคิ้วก็เป็นส่วนที่แสดงสีหน้า อารมณ์ อาจจะทำให้ดูแข็งมากเกินไป ดูไม่เป็นธรรมชาติ และหนังตาตกได้             
  • หางตา โดสยาที่ใช้ไม่ควรเกิน 10-25 ยูนิต หากใช้ในจำนวนโดสมากไปจะทำให้หางคิ้วกระดกสูงขึ้น ดูตึงแข็งไม่เป็นธรรมชาติได้
  • น่อง โดสยาที่ใช้ไม่ควรเกินประมาณข้างละ 100 ยูนิต ในส่วนนี้หากใช้จำนวนโดสที่มากเกินไป จะทำให้กล้ามเนื้อน่องอ่อนแรง ยกขาและเดินลำบากได้
  • ฉีดเพื่อลดเหงื่อบริเวณรักแร้ โดสยาที่ใช้ประมาณ ข้างละ 50-100 ยูนิต ทั้งนี้ในส่วนของตำแหน่งการลดเหงื่อนั้นจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ จะทำให้การประเมินโดสยาเป็นไปตามปัญหาของคนไข้แต่ละบุคคล

3. โบท็อกซ์ได้มาตรฐาน ผ่านอย. หรือไม่ ?

โบท็อกซ์ คือ โปรตีนชนิดหนึ่งได้จากการสร้างของแบคทีเรีย คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum) ที่นำมาใช้ในการแก้ปัญหาต่างๆ ในประเทศไทยโบท็อกซ์ที่ได้รับมาตรฐานจาก อย. มีหลายแบรนด์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์จากอเมริกา อังกฤษ เยอรมัน เกาหลี และ ฮ่องกง

จุดเด่นในแต่ละแบรนด์จะแตกต่างกัน เนื่องจากวิธีการผลิตที่ทำให้ขนาดโมเลกุล ความบริสุทธิ์ ที่ต่างกัน จึงทำให้คุณสมบัติการกระจายตัวของโบท็อกซ์แต่ละแบรนด์ต่างกัน ข้อดีของการใช้โบท็อกซ์ที่ได้รับมาตรฐาน โบท็อกซ์ของแท้ ทำให้อยู่ได้นาน ปลอดภัย ไม่เสี่ยงดื้อยาและเห็นผลด้วย

ยี่ห้อโบท็อกซ์

4. ความเข้มข้นของตัวยาที่ผสม

หลายคนเคยสงสัยว่าทำไมฉีดไปแล้วถึงไม่เห็นผล ทำไมเห็นผลช้า ทั้งที่ฉีดตัวแบรนด์เดียวกัน เหตุผลเหล่านี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการใช้โบท็อกซ์ไม่ได้มาตรฐาน (ของปลอม) ไม่ได้ฉีดกับแพทย์และคลินิกที่ไม่มีมาตรฐาน โบท็อกซ์หิ้ว การผสมยาการเจือจางยาและจำนวนยูนิตที่ไม่เหมาะสม                              

การเจือจางของโบท็อกซ์ หลายคนคงพอทราบมาบ้างว่า ตัวยาโบท็อกซ์นี้จะมาในรูปแบบของผง ดังนั้นจะต้องมีการเจือจางกับน้ำเกลือ NSS ก่อนที่จะฉีดรักษาบริเวณต่างๆ ซึ่งการผสมยาจะมีสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของแต่ละหัตถการ

แต่ถ้าหากเจือจางในน้ำเกลือที่มากไป จะทำให้ตัวยากระจายมากเกินไปผลลัพธ์ที่ได้จะไม่แม่นยำ ทำให้เกิดยิ้มแข็ง หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยวได้

5. การดื้อยา

เคยสงสัยกันใช่มั้ยคะว่าทำไมฉีดโบท็อกซ์ครั้งนี้ถึงไม่เห็นผล ทำไมเห็นผลช้า??

ซึ่งสาเหตุนี้อาจจะเกิดภาวะดื้อยาได้ โดยสาเหตุของการดื้อยาอาจเป็นได้หลายเหตุผล เช่น เคยฉีดโบท็อกซ์ปลอม โบท็อกซ์ที่ไม่ได้การรับรองมาตรฐาน เพราะในโบท็อกซ์เหล่านี้จะมีสารปนเปื้อนสูง และจำนวนไม่แม่นยำตามที่ระบุในฉลากหรือไม่ได้คุณภาพ

ในครั้งแรกฉีดไปก็ยังเห็นผลอยู่แต่ร่างกายเราจะสร้างภูมิคุ้มกันจดจำว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้ามา จึงทำให้ในครั้งต่อๆไปฉีดไปแล้วเห็นผลน้อยลงๆ ซึ่งแตกต่างกับการฉีดโบท็อกซ์ที่ได้มาตรฐานเพราะโบท็อกซ์แท้จะมีความบริสุทธิ์สูงจึงทำให้สลายเองได้ตามกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย

หรือการฉีดโบท็อกซ์บ่อยเกินไป ปกติจะแนะนำให้ห่างกันอย่างน้อย 3-4 เดือน ในแต่ละครั้ง เนื่องจากต้องรอให้ระดับภูมิคุ้มกันต่อโบท็อกซ์ในร่างกายอยู่ในระดับต่ำลงก่อน ไม่อย่างนั้นถ้าฉีดเร็วกว่าช่วง 3-4 เดือน จะไปกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้นได้

อาการของการดื้อยาจะเริ่มสังเกตได้ว่า เมื่อฉีดไปแล้วเห็นผลช้าลงๆ หรือฉีดไปแล้วผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน หรือเลวร้ายสุดคือไม่เห็นผลเลย ซึ่งถ้าเกิดการดื้อยาขึ้นแนะนำให้หยุดฉีดโบท็อกซ์ไปก่อน 2-3ปี แล้วค่อยกลับมาฉีดใหม่ค่ะ

ทำไมบางคนฉีดแล้วไม่เห็นผล ?

  • การใช้โบท็อกซ์ปลอม ไม่ผ่านการรับรองมาตราฐาน อย. ซึ่งนอกจากจะไม่มีคุณภาพอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ ยังทำให้เกิดอาการดื้อยาได้อีกด้วย ซึ่งอาการดื้อยาหรือดื้อโบท็อกซ์นี้ คือภาวะที่ร่างกายเกิดการต่อต้าน ทำให้เมื่อฉีดโบท็อกซ์ไปแล้วไม่เห็นผล
  • การผสมโบท็อกซ์ที่เจือจางมากเกินไป ในการฉีดโบท็อกซ์นั้นจะต้องมีการผสมน้ำเกลือในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อละลายตัวยา โดยหากผสมน้ำเกลือในปริมาณที่เจือจางจนเกินไปจะทำให้การฉีดโบท็อกซ์นั้นไม่เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงและตัวยาสามารถกระจายไปยังตำแหน่งอื่นๆทำให้เกิดอาการข้างเคียงเช่นหนังตาตก ปากเบี้ยวได้
  • ปริมาณยูนิตของโบท็อกซ์ที่น้อยไปต่อตำแหน่งที่ต้องการรักษาทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
  • แพทย์ที่ฉีดไม่มีประสบการณ์หรือไม่มีความชำนาญ ซึ่งอาจะทำให้ฉีดไม่ถูกตำแหน่งมัดกล้ามเนื้อ ทำให้ฉีดแล้วไม่เห็นผล ดังนั้นควรเลือกใช้บริการกับคลินิกที่มีคุณภาพ แพทย์มีความเชี่ยวชาญเพื่อผลลัพธ์ที่ดี โดยหมอได้เขียนวิธีการเลือกสถานที่ฉีดโบท็อกซ์ไว้แล้วที่ ฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี

โบท็อกซ์อยู่ได้นานแค่ไหน ?

ปกติแล้วหลังฉีดโบท็อกซ์ไปจะอยู่ได้นานเฉลี่ยประมาณ 3-8 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกซ์ การใช้ชีวิตประจำวันและการดูแลหลังจากที่ฉีดโบท็อกซ์ไปส่วนมากแล้วตัวยาโบท็อกซ์จะสลายได้ไวเมื่อโดนความร้อน หรือ กล้ามเนื้อที่โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ถูกบริหารบ่อยๆ

เช่น การแสดงสีหน้า การเคี้ยวอาหาร จะทำให้กล้ามเนื้อที่ถูกคลายตัวโดนบริหารคล้ายการออกกำลังกาย ตัวกล้ามเนื้อเลยกลับมาทำงานตามปกติได้ไวขึ้นดังนั้นการดูแลหลังจากฉีดโบท็อกซ์ไปค่อนข้างมีความสำคัญ เพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานและโบท็อกซ์ไม่สลายไปไว

อ่านเพิ่มเติม : โบท็อกซ์อยู่ได้กี่เดือน

การดูแลหลังฉีดโบท็อกซ์

เพื่อให้ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์อยู่ได้นานและทำงานได้ดี หมอแนะนำให้ดูแลตัวเองหลังฉีดดังนี้ค่ะ

  • หลังฉีดทันที 30 นาทีแรก แนะนำให้บริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด เพื่อให้โบท็อกซ์กระจายตัวได้ดี ไปตามกล้ามเนื้อที่เราต้องการรักษาได้อย่างทั่วถึง
  • หลังฉีดโบท็อกซ์ แนะนำห้ามนอนราบ นอนตะแคง 3-4 ชั่วโมงแรก เพราะจะทำให้การกระจายตัวยาไม่เป็นไปตามรูปแบบการรักษา และจะทำให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้ไม่ดีเท่าที่ควร
  • หลีกเลี่ยงความร้อนบริเวณที่ทำการฉีดโบท็อกซ์เนื่องจากจะทำให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ในช่วงแรก และสลายได้ไวกว่าปกติ

โดยสามารถอ่านวิธีดูแลตัวเองเพิ่มเติมได้ที่ หลังฉีดโบท็อกซ์ควรดูแลตัวเองอย่างไร

สรุป

ระยะเวลาของผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์นั้น สัมพันธ์กับปัจจัยหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยของตำแหน่งที่ฉีดโบท็อกซ์ ความบริสุทธิ์ของโบท็อกซ์ในแต่ละแบรนด์ การกระจายของตัวโบท็อกซ์ ภาวะการดื้อยา และการดูแลในข้อห้ามต่างๆหลังฉีดโบท็อกซ์

และที่สำคัญอีกข้อหนึ่งเลย การเลือกคลินิกความงามที่มีมาตรฐาน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านผิวพรรณและมีประสบการณ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นข้อที่คนไข้ควรคำนึงถึงก่อนที่จะเลือกฉีดโบท็อกซ์ เนื่องจากส่งผลต่อผลลัพธ์และระยะเวลาในการเห็นผลได้ค่ะ

ทีมแพทย์พัชชาคลินิก

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของเว็บไซต์ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายคุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า