ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาเท่าไหร่ ฉีดยี่ห้อไหนดี

คำถามสำหรับหลายๆ คนที่กำลังหาข้อมูลเรื่องการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือจะเลือกยี่ห้อไหนดี ฉีดแบบไหนดี เพราะในปัจจุบันมีฟิลเลอร์มากมายหลายยี่ห้อ แต่การเลือกฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนหรือชนิดของฟิลเลอร์นั้น จะขึ้นอยู่กับสรีระและปัญหาใต้ตาของแต่ละคน โดยในบทความนี้ หมอจะเล่าและอธิบายถึงความแตกต่างของฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละยี่ห้อเพื่อให้คนไข้ได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ

สารบัญ

เลือกฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนให้เหมาะสมกับปัญหาที่มี

คนไข้หลายท่านมีความ “เข้าใจผิดเกี่ยวกับการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา”  ส่วนใหญ่จะเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เช่น Restylane vital light มาเติมเลย ซึ่งผู้ที่มีปัญหาใต้ตาลึก หรือถุงใต้ตา จำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มในปริมาณที่เยอะเกินความจำเป็น ใส่ไปบริเวณผิวชั้นตื้น เพื่อให้ตาดูเต็ม แต่เมื่อเวลาผ่านไปเริ่มมีก้อนปูดขึ้นเวลายิ้ม หรือ ผิวใต้ตาดูเขียวคล้ำขึ้น เรียกว่า Tyndall effect

ดังนั้นการเติมฟิลเลอร์ใต้ตาต้องแก้ปัญหาตามสาเหตุที่มี ซึ่งเกิดขึ้นในหลายชั้นผิว ได้แก่ โครงสร้างกระดูก, ไขมันใต้ตาชั้นลึก และ ไขมันใต้ตาชั้นตื้น

รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี
รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตาราคาเท่าไร

เมื่อเราอายุมากขึ้น โครงสร้างกระดูกชั้นลึกและไขมันใต้ตาชั้นลึกฝ่อตัวลง ทำให้เกิดตาโบ๋ เบ้าตาลึก รวมถึงส่งผลให้เส้นเอ็นที่คอยพยุงผิวใต้ตาอ่อนตัวลงมาตามแนวกระดูก ทำให้เห็นเป็นถุงใต้ตา และ ไขมันใต้ตาชั้นตื้นที่บางตัวลง ทำให้ผิวใต้ตามีสีคล้ำขึ้น

ปัญหาเรื่องใต้ตาของแต่ละบุคคลคนนั้นไม่เหมือนกัน จึงต้องได้รับคำแนะนำ หรือการประเมินใบหน้าจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน ถึงจะสามารถเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบริเวณใต้ตาของแต่ละบุคคลได้ ซึ่งขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตานั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือ

  1. การแก้ไข้ใต้ตาชั้นลึก

ใช้ “ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง” เพื่อไปซัพพอร์ตโครงสร้างด้านใต้ที่ยุบตัวลงไปตามกาลเวลา (Aging process) ที่ทำให้เกิดชั้นตาลึกหรือมีถุงใต้ตาหย่อนคล้อยก่อน

การเติมฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นลึก

โดยโครงสร้างด้านใต้ที่ว่า คือ แนวกระดูกเบ้าตา, เส้นเอ็นที่ยึดบริเวณใต้ตา และ ไขมันชั้นลึกช่วงหน้าแก้มและใต้ตา เพื่อพยุงเสริมขึ้นมาให้เกิดความกระชับ และ ดูเต็มขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ ในขั้นตอนนี้สามารถแก้ปัญหาตาโบ๋ เบ้าตาลึก และ ถุงใต้ตาให้ดูดีขึ้น

  1. การแก้ไขใต้ตาชั้นตื้น

ใช้ “ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม” เพื่อเติมเต็มร่องใต้ตาและลดริ้วรอยในผิวชั้นบน (สำหรับเก็บรายละเอียดหลังเติมฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นลึก)

การเติมฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นตื้น

เป็นการฉีดเข้าไปในไขมันใต้ตาชั้นตื้นใต้ผิวหนัง เพื่อแก้ไขปัญหาในส่วนของริ้วรอยเล็กๆ ร่องลึกที่ต้องการเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมหลังจากการแก้ไขโครงสร้างฐานใต้ตามาแล้ว ให้ดูเรียบและดูเต็มขึ้น สามารถฉีดในคนไข้ที่ไม่ได้มีปัญหาใต้ตาที่ลึกมาก ต้องการให้ดูเต็มขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ

แต่จะไม่สามารถเติมได้เยอะมาก เนื่องจากการวางฟิลเลอร์ในตำแหน่งนี้ จะวางเหนือกล้ามเนื้อใต้ตา ถ้าเติมในปริมาณที่เยอะจนเกินไปทำให้เวลายิ้มจะเป็นก้อนได้ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยมาก

ภาพ Tyndall effect : themanseclinic.com

กับอีกปัญหาหนึ่งคือ Tyndall effect คือการฉีดฟิลเลอร์ตื้นจนเกินไปทำให้ผิวใต้ตาบริเวณนั้นดูเป็นรอยคล้ำขึ้นซึ่งสอดคล้องกับการกระเจิงของแสงทำให้เห็นผิวบริเวณที่มีฟิลเลอร์ดูคล้ำขึ้น

ฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร ?

ฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อและรุ่น มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมกับการแก้ปัญหาในแต่ละชั้นผิว สำหรับยี่ห้อ-รุ่นฟิลเลอร์ ที่เหมาะสมในการเติมเต็มบริเวณใต้ตา หมอขอแยกตามการเติมฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นลึก และ การเติมฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นตื้น ซึ่งแต่ละยี่ห้อที่ใช้ที่ Patcha clinic มีความแตกต่างกันดังนี้

ยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นลึก

1. Juvederm

  • Juvederm Voluma – เหมาะสำหรับฉีดปรับฐานช่วงหน้าแก้มในชั้นกระดูก หรือ ไขมันชั้นลึก สำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าแก้มทรุดร่วมกับใต้ตาลึกหรือถุงใต้ตา เป็นรุ่นที่เนื้อแข็งที่สุดของยี่ห้อนี้ แต่กลืนกับผิวไว เมื่อเทียบกับเนื้อแข็งยี่ห้ออื่น ตัวนี้ให้ความละมุนของแก้มส้ม ไม่ได้กลมมากไป

  • Juvederm Volift – เหมาะสำหรับเติมบริเวณไขมันใต้ตาชั้นลึก สำหรับผู้ที่มีเบ้าตาโบ๋ ถุงใต้ตาหย่อน เนื้อเนียน หลังฉีดดูเป็นธรรมชาติไม่เป็นก้อน

  • Juvederm Vobella – เหมาะสำหรับเติมลึกตามแนวเส้นเอ็นแถวกระดูกเบ้าตา แต่ควรเติมหลังจากที่เติมไขมันใต้ตาชั้นลึก และ ไขมันหน้าแก้มชั้นลึกแล้ว เน้นเป็นการเก็บรายละเอียดให้ใต้ตาตื้นขึ้นแทนวิธีการฉีดในผิวชั้นบน สำหรับผู้ที่กลัวใต้ตาเป็นก้อน

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ Juvederm

2. Restylane

  • Restylane Lyft – เหมาะสำหรับฉีดปรับฐานช่วงหน้าแก้มในชั้นกระดูก/ไขมันชั้นลึก และ ไขมันใต้ตาชั้นลึก สำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าแก้มทรุดร่วมกับใต้ตาลึกหรือถุงใต้ตา เป็นรุ่นที่เนื้อแข็งที่สุดของยี่ห้อนี้ ขึ้นทรงได้ดี ยกกระชับได้ดี ปรับแก้มส้มให้พุ่งขึ้นได้ดี
  • Restylane Defyne – เหมาะสำหรับฉีดปรับฐานช่วงหน้าแก้มในชั้นกระดูก/ไขมันชั้นลึก และ ไขมันใต้ตาชั้นลึก สำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าแก้มทรุดร่วมกับใต้ตาลึกหรือถุงใต้ตา ใช้แทน Lyft ในผู้ที่มีผิวบางเนื่องจากกลืนกับผิวได้ดีกว่า แต่เนื้อฟิลเลอร์จะไม่ได้ขึ้นรูปเท่าถ้าชอบมีแก้มส้มชัดๆ
  • Restylane Volyme – เหมาะสำหรับฉีดปรับฐานช่วงหน้าแก้มในชั้นกระดูก/ไขมันชั้นลึก และ ไขมันใต้ตาชั้นลึก สำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าแก้มทรุดร่วมกับใต้ตาลึกหรือถุงใต้ตาที่เน้นการเติมเต็ม ไม่ได้เน้นยกกระชับ ให้ volume ได้ดี
  • Restylane Classic – เหมาะสำหรับฉีดปรับฐานช่วงไขมันใต้ตาชั้นลึก มีผิวบางกลัวเป็นก้อนหากใช้ Lyft แต่ยังอยากเน้นในเรื่องการยกกระชับ เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแข็งปานกลาง

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ Restylane

3. E.P.T.Q

  • e.p.t.q S100  – เหมาะสำหรับฉีดปรับฐานช่วงไขมันใต้ตาชั้นลึก และ ตามแนวเส้นเอ็นแถวกระดูกเบ้าตา เนื้อฟูมาก ดั้งนั้นควรเติมให้น้อย เผื่อการฟูของเนื้อฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นก้อน
  • e.p.t.q S500  – เหมาะสำหรับฉีดปรับฐานช่วงหน้าแก้มในชั้นกระดูก หรือ ไขมันชั้นลึก สำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าแก้มทรุดร่วมกับปัญหาถุงใต้ตาหย่อนคล้อย โดยฉีดเพื่อเน้นการยกกระชับ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ e.p.t.q

ยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นตื้น

1. Restylane

  • Restylane Vital Light – เป็นตัวเดียวที่เหมาะกับการเติมใต้ตาชั้นตื้น โดยเติมในชั้นไขมันชั้นบน เนื่องจากเนื้อเจลเบาบาง นิ่มเนียนกับผิว แต่ไม่ควรเติมเยอะ เพราะในการเติมไขมันใต้ตาชั้นตื้นคือชั้นที่อยู่เหนือกล้ามเนื้อใต้ตา หากมีปริมาณฟิลเลอร์อยู่เยอะไป พอกล้ามเนื้อมีการขยับเรื่อยๆ จะทำให้เป็นก้อนได้ แม้หลังเติมเสร็จจะเนียนสวยไม่เป็นก้อนก็ตาม

ฟิลเลอร์ใต้ตาใช้ปริมาณเท่าไหร่

ฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ซีซี

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้น จะต้องได้รับการประเมินสรีระบริเวณใต้ตาจากแพทย์ก่อน ว่ามีปัญหาในชั้นผิวไหนบ้าง ควรใช้ฟิลเลอร์เนื้อแบบไหนเพื่อเหมาะกับการแก้ปัญหา รวมถึงปริมาณ ซีซี ที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา

โดยปกติแล้วปริมาณของฟิลเลอร์ที่จะใช้ฉีดในแต่ละคนนั้นจะไม่เท่ากัน บางคนอาจจะใช้ประมาณ 2 – 3 ซีซี หรือ ในบางคนที่มีปัญหาน้อย สามารถใช้ฟิลเลอร์เพียงแค่ 1 CC ก็เห็นผล

ขึ้นอยู่กับว่าปัญหาของแต่ละคนอยู่ในระดับไหน ซึ่งสามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินและวิเคราะห์สรีระใต้ตาก่อนที่จะทำหัตถการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

adcta-tel
adcta-inboxfacebook
adcta-addline
adcta-tel
adcta-inboxfacebook
adcta-addline

ฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานเท่าไร

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่ได้นานเท่าไร ขึ้นกับหลากหลายปัจจัย ได้แก่ ยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์, ปริมาณฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป, ตำแหน่งของชั้นผิวที่ฟิลเลอร์อยู่, ความถี่ในการใช้กล้ามเนื้อรอบดวงตา (ยิ้ม), การใช้ชีวิตประจำวัน และ สิ่งเร้าที่มีผลต่อการคงสภาพของฟิลเลอร์ (สูบบุหรี่) เป็นต้น

ฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานแค่ไหน

ฟิลเลอร์ Juvederm

  • Juvederm Vobella – สามารถแสดงผลลัพธ์ได้ประมาณ 8 – 12 เดือน
  • Juvederm Volift – สามารถแสดงผลลัพธ์ได้ประมาณ 12 – 18 เดือน
  • Juvederm Voluma – สามารถแสดงผลลัพธ์ได้ประมาณ 18 – 24 เดือน

ฟิลเลอร์ E.P.T.Q.

  • E.P.T.Q. S 100 – สามารถแสดงผลลัพธ์ได้ประมาณ 6 – 8 เดือน
  • E.P.T.Q. S 500 – สามารถแสดงผลลัพธ์ได้ประมาณ 8 – 12 เดือน

ฟิลเลอร์ Restylane

  • Restylane Vital Light – สามารถแสดงผลลัพธ์ได้ประมาณ 6 – 8 เดือน
  • Restylane Classic – สามารถแสดงผลลัพธ์ได้ประมาณ 8 – 12 เดือน
  • Restylane Lyft – สามารถแสดงผลลัพธ์ได้ประมาณ 12 เดือน
  • Restylane Defyne – สามารถแสดงผลลัพธ์ได้ประมาณ 12 – 18 เดือน
  • Restylane Volyme – สามารถแสดงผลลัพธ์ได้ประมาณ 12 – 18 เดือน

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนเกิดจากอะไร

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน

หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมในบางคน ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วถึงเป็นก้อน ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเป็นก้อน มีดังนี้

  • เลือกชนิดเนื้อของฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะกับสรีระบริเวณใต้ตาของตัวเอง หรือ เติมผิดชั้น ตัวอย่างเช่น ใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง หรือ เนื้อปานกลาง มาเติมในตื้น
  • ใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินไป โดยเฉพาะการเติมใต้ตาชั้นตื้น เนื่องจากเราวางฟิลเลอร์อยู่เหนือกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อมีการขยับ/แสดงสีหน้า จะดันฟิลเลอร์ขึ้นมาเห็นเป็นก้อน
  • ปัญหาที่คนไข้มีไม่เหมาะสมกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เช่น คนไข้อายุมาก ผิวบริเวณใต้ตาขาดคอลลาเจน มีริ้วรอย และ ถุงใต้ตาที่เยอะ หากเติมฟิลเลอร์เข้าไปในคนไข้กลุ่มนี้ผิวไม่ได้มีความยืดหยุ่นมาก ไม่มีแรงพยุงฟิลเลอร์ ทำให้ฟิลเลอร์ย้อยลงมาเป็นก้อนได้
  • ใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์หรือมีประสบการณ์ที่ไม่มากเพียงพอ

อ่านเพิ่มเติม: ฟิลเลอร์เป็นก้อนเกิดจากอะไร

คนแบบไหนไม่เหมาะกับฟิลเลอร์ใต้ตา

ไม่ใช่ทุกคนที่มีปัญหาบริเวณใต้ตาแล้วจะสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ หรือ แก้ไขได้ 100% ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เพียงอย่างเดียว สำหรับปัญหาที่ไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีดังนี้

  1. รอยคล้ำบริเวณใต้ตา ที่เกิดจากเม็ดสีเมลานิน, เส้นเลือด และ ภูมิแพ้
  2. ริ้วรอยใต้ตาบริเวณใกล้ขอบตา ซึ่งมักเกิดจากผิวขาดคอลลาเจน และ ในบริเวณนี้ไม่แนะนำให้เติมฟิลเลอร์เพราะจะทำให้เกิดเป็นถุงใต้ตา แนะนำทำหัตถการที่สามารถเพิ่มคอลลาเจนให้ชั้นผิว
  3. ถุงใต้ตาระยะที่เป็นมาก คนไข้กลุ่มนี้มักเกิดจากผิวขาดคอลลาเจนร่วมด้วยหากเติมฟิลเลอร์เยอะเกินไป จะทำให้เป็นก้อนขึ้นได้ แนะนำผ่าตัดเอาไขมันใต้ตาออก
  4. คนไข้อายุมาก ร่วมกับมีผิวบริเวณใต้ตาขาดคอลลาเจนในระดับรุนแรง คนไข้กลุ่มนี้ผิวขาดความยืดหยุ่น ผิวบาง ทำให้ไม่สามารถพยุงฟิลเลอร์ได้ดีเท่าที่ควรอาจเห็นเป็นลำ/ก้อนฟิลเลอร์ได้เมื่อเวลาผ่านไป หรือ อาจเกิด tyndall effect ได้

ราคาฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละยี่ห้อ

ฟิลเลอร์ Restylane

  • Restylane Vital Light – ราคา  10,900.-/cc (ราคาปกติ 15,900.-/cc)
  • Restylane Classic – ราคา 10,900.-/cc (ราคาปกติ 14,900.-/cc)
  • Restylane Lyft – ราคา10,900.-/cc (ราคาปกติ 17,900.-/cc)
  • Restylane Defyne – ราคา 10,900.-/cc (ราคาปกติ 18,900.-/cc)
  • Restylane Volyme – ราคา 10,900.-/cc (ราคาปกติ 18,900.-/cc)
ราคาฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละยี่ห้อ

ฟิลเลอร์ Juvederm

  • Juvederm Vobella – ราคา 12,900.-/cc (ราคาปกติ 18,900.-/cc)
  • Juvederm Volift – ราคา 12,900.-/cc (ราคาปกติ 18,900.-/cc)
  • Juvederm Voluma– ราคา 12,900.-/cc (ราคาปกติ 18,900.-/cc)

ฟิลเลอร์ E.P.T.Q.

  • E.P.T.Q. S100 – 7,900.-/cc (ราคาปกติ 9,900.-/cc)
  • E.P.T.Q. S500 – 7,900.-/cc (ราคาปกติ 9,900.-/cc)

รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา

>>> คลิกดูรีวิวเพิ่มเติม <<<

สรุป

โดยปกติแล้วปัญหาสรีระบริเวณใต้ตาของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะมีปัญหาระดับมากจึงจะต้องฉีดฟิลเลอร์เนื้อแข็งเพื่อปรับโครงสร้างฐานก่อน หรือบางคนอาจจะมีปัญหาที่น้อยจึงไม่ต้องฉีดฟิลเลอร์เนื้อแข็งเพื่อปรับโครงสร้างฐานแต่สามารถฉีดฟิลเลอร์แบบเนื้อนิ่มได้เลย

ก่อนที่จะฉีดฟิลเลอร์นั้นจะต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความปลอดภัย ควรเลือกฉีดกับคุณหมอที่มีประสบการณ์ เลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดตามที่ใจต้องการ

ทีมแพทย์พัชชาคลินิก

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของเว็บไซต์ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายคุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า